12 พฤศจิกายน 2562

กฎการเทรด 50 ข้อของเทรดเดอร์หญิงแห่งวอลล์สตรีท Linda Raschke

ถ้าพูดถึงเทรดเดอร์หญิงที่เก่งที่สุดในโลก ชื่อของคุณ Linda Raschke มักจะถูกยกขึ้นมาพูดถึงอยู่เสมอๆ ประสบการณ์กว่า 40 ปีที่อยู่ในโลกของตลาดทุน ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาทุกตลาดอย่างโชกโชน ผลงานและความสามารถที่โดดเด่นทำให้เธอเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ถูกสัมภาษณ์อยู่ในหนังสือ Market Wizard ของคุณ Jack D. Schwager (ในเล่ม The New Market Wizards) วันนี้ขอเอากฎการเทรด 50 ประการของคุณ Linda Bradford Raschke มาฝากเทรดเดอร์ทุกๆคน




กฎการเทรด 50 ข้อจาก Linda Raschke
 1.  วางแผนการเทรด และเทรดให้ได้ตามแผน
 2.  เก็บผลลัพธ์ของการเทรดทั้งหมด
 3.  รักษาทัศนคติแง่บวกไว้เสมอไม่ว่าคุณจะขาดทุนก็ตาม
 4.  อย่านำเรื่องในตลาดกลับไปบ้าน
 5.  ตั้งเป้าหมายการเทรดให้สูงขึ้นเรื่อยๆ
 6.  เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จซื้อเมื่อเกิดข่าวร้ายและขายเมื่อเกิดข่าวดี
 7.  เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จไม่กลัวที่จะซื้อราคาสูงและขายราคาที่ต่ำ
 8.  เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จมีการวางวันเวลาไว้เพื่อศึกษาตลาด
 9.  เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จแยกตัวเขาเองออกมาจากความคิดของผู้อื่น
10. มุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้ความอดทน ความพยายาม การตัดสินใจ และการกระทำที่มีเหตุผล

1 พฤศจิกายน 2562

10 ความลับสู่ความสำเร็จทางการเงิน จากอดีตเทรดเดอร์ Goldman Sachs

ความสำเร็จในชีวิตมีอยู่หลายรูปแบบซึ่งขึ้นอยู่กับเป้าหมาย มุมมอง และความพึงพอใจของแต่ละบุคคล แต่ในโลกของทุนนิยมคงเป็นไปไม่ได้เลยที่หลายคนจะไม่ฝันถึงความสำเร็จทางด้านการเงิน ความสำเร็จที่เมื่อคุณตื่นเช้ามาแล้วไม่ต้องกังวลใจถึงตัวเลขในบัญชีว่าจะมีพอใช้สำหรับเดือนนั้นหรือเปล่า ความสำเร็จที่ทำให้คุณปลดปล่อยจากพันธะของชีวิตมนุษย์เงินเดือนและมีสิทธ์ในการเลือกใช้ชีวิตในแบบที่คุณต้องการได้มากขึ้น มีหลายคนไม่น้อยที่สามารถนำพาตัวเองไปสู่จุดนั้นได้ ซึ่งผมเชื่อว่าคงมีหลายคนไม่น้อยที่เคยอ่านหรือศึกษาประวัติชีวิตของบุคคลเหล่านี้มากก่อนและคงเป็นเรื่องดีไม่น้อยถ้าเราสามารถรู้ถึงหลักการบางอย่างที่นำพาพวกเขาไปสู่จุดนั้นได้

ด้วยความความตั้งใจที่อยากจะประสบความสำเร็จทางการเงินผมก็ได้ลองค้นหาข้อมูลต่างๆนาๆบนอินเตอร์เนตซึ่งวันหนึ่งผมก็ได้ไปเจอกับวีดีโอของ Institute of Trading ของคุณ Anton Kreil โดยเขาเป็นอดีตเทรดเดอร์ที่ Goldman Sachs และตอนนี้ออกมาจัดตั้ง Institute of Trading ซึ่งเป็นสถาบันที่สอนนักลงทุนรายย่อยเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้นและค่าเงิน โดยในวีดีโอนั้นเขาได้พูดถึงหลักการ 10 ข้อที่สามารถนำไปปรับใช้เพื่อพิชิตอิสรภาพทางการเงินได้

16 ตุลาคม 2562

เมื่อผู้นำของโลกไม่ได้ตัดสินใจบนปัญหาปากท้อง

ตลาดเด้งขึ้นทั่วโลกในช่วงนี้ จากความคืบหน้าการเจรจาการค้าที่ดูมีความคืบหน้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่เราเห็นต่างมากๆ เศรษฐกิจทั่วโลกดูอ่อนแอ จากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในแนวลึก เทคโนโลยี วิถีชีวิต ความอิ่มของการบริโภควัตถุของชนชั้นกลาง ที่ดูเต็มกำลังบริโภคแล้วในพฤติกรรมชีวิตรูปแบบเดิมๆ

การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและวิถีชีวิตเท่านั้น ที่จะเปลี่ยนเกมส์ให้เกิดความต้องการบริโภคในรูปแบบใหม่ได้ ซึ่งจะเป็นการขับเคลื่อนระบบทุนนิยมได้อีกครั้ง..........

เมื่อพฤติกรรมเปลี่ยน ความต้องการในสินค้าเดิมที่เต็มอิ่มแล้ว อุตสาหกรรมดั้งเดิมแน่นอนว่าก็เตรียมตัวที่จะผลัดใบ หากเจ้าของธุรกิจไม่สามารถหาธุรกิจใหม่ที่อยู่ในกระแสการเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้บริโภคได้ ก็เหมือนจะรอวันตาย

วันนี้ มีข่าวว่า อเมริกาอาจจะร่างกฏหมายเรื่องกับการแทรกแซงฮ่องกง หากจีนใช้กำลังกับกลุ่มผู้ชุมนุมในฮ่องกง เรื่องนี้ น่าจะทำให้การเจราจาการค้าสะดุดได้อีกครั้ง เพราะเราเชื่อว่ามันเป็นเกมส์การเมืองมากกว่าเกมส์เศรษฐกิจ เพราะ ผู้มีอำนาจสนใจการเมืองมากกว่าเศรษฐกิจ เมื่อมนุษย์ คือ ผู้แสวงหาผลประโยชน์ เมื่อผู้นำไม่เดือดร้อนโดยตรงกับปัญหาปากท้อง สิ่งที่กลุ่มคนชั้นนำเหล่านี้ต้องการคล้ายเป็นอำนาจ ในบั้นปลายชีวิตที่อยากจะสร้างตำนานให้ตนเอง ดังนั้น การตัดสินใจทุกสิ่งจึงดูเหมือนทำเพื่อประโยชน์ทางการเมืองเป็นหลัก อย่างน้อยก็เป็นน้ำหนักใหญ่ที่ใช้ในการตัดสินใจ

4 กรกฎาคม 2559

“เสี่ยเคน” โสรัตน์ วณิชวรากิจ ลงทุนหุ้นอย่างไรให้บรรลุเป้าหมายชีวิต

ควันหลงจากงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 44 ที่ผ่านมา Money & Wealth จัดเสวนาเชิญ “เสี่ยเคน” โสรัตน์ วณิชวรากิจ มาเสวนาเบาๆ ในหัวข้อ “ลงทุนหุ้นอย่างไรให้บรรลุเป้าหมายชีวิต” ซึ่งเสี่ยเคนให้ข้อคิด มุมมองจากประสบการณ์ในชีวิตจริงที่น่าสนใจ และในฐานะที่เป็นผู้ฝักใฝ่ธรรมะของพระพุทธองค์ เขาก็ไม่ลืมที่จะนำข้อคิดจากหลักธรรมะมาสอดแทรกอธิบายให้ฟังด้วย

ในด้านชีวิตการลงทุน โสรัตน์บอกว่าเขาได้อ่านเรื่องราวของนักธุรกิจหลายคนที่ประสบความสำเร็จหลายท่าน เช่น คุณวิชัย พูลวรลักษณ์ เจ้าของ Major Cineplex คุณวิลเลียม ไฮเนคกี้ เจ้าของ Pizza และ Swensens ได้เห็นวิธีการบริหารจัดการของนักธุรกิจเหล่านี้ ชอบมาก พวกเขาเป็นคนเก่ง

“ดูไปดูมา ก็รู้สึกว่า อ่านเรื่องราวของพวกเขาอย่างเดียว ไม่สนุก หากได้มีโอกาสเข้าไปคุยไปศึกษาก็คงจะดี การอ่านเรื่องราวเหล่านั้นมีประโยชน์คือสามารถนำมาดัดแปลงใช้กับกิจการของเราได้ แต่เมื่อศึกษาแล้วพบว่ากิจการนี้ดี และหากได้เข้าไปลงทุน ก็น่าจะดี”

“การที่เราเกาะไปกับเขา เราสามารถเป็น Spider Man เกาะไปกับเขาได้ นี่ก็เลยเป็นจุดเริ่มที่ชอบ หลังจากนั้น ได้เอาความรู้มาใช้ เมื่อพบว่าดี ก็กลับไปลงทุนในกิจการนั้นด้วย ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาคือเกิดความมั่งคั่งตามมาด้วย” โสรัตน์กล่าว

เขามีมุมมองว่าหากนำเงินไปลงทุนใน “หุ้นของบริษัทที่ชนะแล้ว” ก็จะเป็นการย่นระยะและความเสี่ยง ดีกว่าเอาเงินไปลงทุนทำธุรกิจเอง กล่าวได้ว่าเป็นทางลัดในการเป็นเจ้าของธุรกิจนั่นเอง


22 มิถุนายน 2559

"โรนัลโด" นักเตะที่ไม่ได้มีดีแค่ในสนาม

คริสเตียโน โรนัลโด ปีกจอมลีลาของทีมชาติโปรตุเกสและสโมสรรีล มาดริด เป็นนักฟุตบอลที่ถูกจัดให้อยู่ในประเภทไม่มีพรสวรรค์ แต่มีพรแสวงซึ่งเกิดจากการมุ่งมั่นฝึกซ้อมอย่างหนัก จนกระทั่งคว้ารางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่าในปี 2013 และ 2014 การฝึกหนักของโรนัลโด ถึงขนาดที่ เดโก้ ซึ่งเป็นรุ่นพี่ในทีมชาติโปรตุเกส เปิดเผยว่า ไม่เคยเห็นใครฝึกหนักเท่านี้มาก่อน โรนัลโด้ฝึกอย่างกับคนบ้า เขามีความมุ่งมั่นที่น่าทึ่งอย่างมาก

และนี่คือเรื่องราวที่น่าสนใจของเขา ....

1. โรนัลโด ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ เพราะมันทำให้นึกถึงการจากไปของพ่อของเขาที่เสียชีวิตเพราะเหล้า

2. โรนัลโด ไม่สัก เพราะต้องการจะบริจาคเลือดทุกๆ 6เดือน !!! คนดังน่าเอาเป็นแบบอย่างโดยเฉพาะนักกีฬาที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ทั้งหลาย

3. โรนัลโดขาย “รองเท้าทองคำ”ของตัวเอง ในมูลค่า1.5ล้านยูโร (60ล้านบาท)เพื่อบริจาคให้โรงเรียนในเมือง Gaza ปากีสถาน

7 มิถุนายน 2559

โจน จันได : ผู้มีชีวิตที่ง่ายและดีงาม.....

ชายร่างกำยำ กายกร้านแดด สวมเสื้อยืดเก่าคร่ำคร่า สีมอซอเช่นเดียวกับกางเกงเลที่สวมใส่ เดินเท้าเปล่านำหน้าไปยังบ้านดินที่อยู่บนยอดเนินเขา บ้านดินที่เขาอาศัยอยู่กับลูกและภรรยาชาวอเมริกัน

    โจน จันได คือชายผู้นั้น ลูกชาวนาแห่งยโสธร ผู้บุกเบิกและก่อตั้งศูนย์พันพรรณ ชุมชนแห่งการพึ่งตนเอง ที่พำนักของผู้คนที่ต้องการใช้ชีวิตง่าย ๆ

    “ชีวิตมันเป็นเรื่องง่าย ๆ ไม่ต้องทำให้มันยาก” ปรัชญาชีวิตที่ผ่านการตกผลึกของเขา

เขาเรียนหนังสือจนจบ ป.๗ รุ่นสุดท้าย ก็มาบวชเป็นสามเณรในกรุงเทพฯ อาศัยเรียนการศึกษานอกโรงเรียน จนกระทั่งจบการศึกษาผู้ใหญ่มัธยมศึกษาตอนปลายที่วัดสัมพันธหงษ์ แล้วก็ลาสิกขาไปเรียนนิติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เรียนได้ราว ๓ ปี ก็เริ่มถามตัวเองว่า “เรียนไปทำไม เรียนไปเพื่ออะไร” ในที่สุดก็ตัดสินใจหันหลังให้กับการศึกษา พาตัวเองไปอยู่เชียงใหม่ เงินที่พอมีอยู่จากการตระเวนสร้างบ้านดินให้คนอื่นก็นำไปซื้อที่ดินบนจนหมดเกลี้ยง

11 พฤษภาคม 2559

‘ซูเปอร์แมนหลี่’ ลีกาชิง บุรุษที่เริ่มต้นจาก 0

มหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลเจ้าของธุรกิจหลายพันล้านบนเกาะฮ่องกงและถือครองหุ้นในบริษัทต่างประเทศอีกหลายแห่ง นายหลี่เจียเฉิง (李嘉诚) หรือชื่อที่รู้จักในแวดวงธุรกิจทั่วโลกว่า "ลีกาชิง" มีบรรพบุรุษเป็นนักการศึกษาที่มีถิ่นกำเนิดมาจากเมืองแต้จิ๋ว เขาเกิดเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ค.ศ.1928 ในเมืองเฉาโจว (แต้จิ๋ว) มณฑลกวางต่ง (กวางตุ้ง) บรรพบุรุษของเขาเป็นปัญญาชนตำแหน่ง ‘ซิ่วไฉ’ ปลายสมัยราชวงศ์ชิงและบิดายังเป็นครูใหญ่แห่งโรงเรียนประถมศึกษาหลายแห่งในเมืองแต้จิ๋วปี ค.ศ.1940 สงครามบุกรุกจีนของกองทหารญี่ปุ่นทำให้ครอบครัวของเขาอพยพลี้ภัยไปอยู่ที่ฮ่องกงหลังจากมาอาศัยในฮ่องกงได้ 2 ปีบิดาก็เสียชีวิต  หลี่ต้องรับภาระดูแลน้องชายน้องสาวด้วยการออกจากโรงเรียนแล้วมาหางานทำเลี้ยงครอบครัวเขาเริ่มจากพนักงานขายในบริษัทผลิตของเล่นพลาสติก หลี่ทำงานหนักวันละ 16 – 20 ชั่วโมง  ก่อนเริ่มงานเวลา 9 โมงเช้าเขายังไปหาลูกค้าใหม่ในเขตอื่น ๆ ตกค่ำก็กลับมาโรงงานเพื่อตรวจสอบใบสั่งซื้อสินค้าด้วยความขยันขันแข็งทำให้ปลายปีหลี่ได้รับโบนัสสูงกว่าใคร ๆ ในที่ทำงานมีอยู่ปีหนึ่งโบนัสของหลี่เจียเฉิงสูงเป็นอันดับหนึ่งในบริษัทโดยสูงกว่าคนที่ได้ลำดับที่ 2 ถึง 7 เท่าและถึงแม้จะงานหนักงานยุ่งเพียงใดหลี่ผู้รักการอ่านจะรีบตื่นแต่ตี 4 ตี 5 เพื่ออ่านหนังสือทุกวัน และยังใช้เวลาว่างตอนเย็นหลังเลิกงานไปเรียนพิเศษเพิ่มเติม “ความรู้พื้นฐานของผมมาจากหนังสือเก่า ๆ หนังสือเก่าที่ซื้อมาพออ่านจบแล้วก็ขายต่อไปแล้วเอาเงินไปซื้อหนังสือเก่าเล่มใหม่มาอ่านอีก ” มหาเศรษฐีหลี่เจียเฉิงเล่าอดีตในวัยเยาว์ 

21 ตุลาคม 2558

'มิ้งค์-ภัทรพร' Startup ไทย ใน Silicon Valley

Script Inc.บริษัทสร้างสรรค์นวัตกรรมบนมือถือ Startup สัญชาติไทยแท้ ที่มีมูลค่าธุรกิจใน Silicon Valley ณ วันนี้ กว่า 500 ล้านบาท! 

 “Silicon Valley” คือ ดินแดนที่ได้ชื่อว่า หุบเขาแห่งทองคำ แหล่งกำเนิดสุดยอดเทคโนโลยีของโลก ที่ตั้งสำงานใหญ่ของ Apple, Facebook, Google, eBay, Intel ฯลฯ และบริษัทนวัตกรรมน้อยใหญ่ 


นี่คือ ดินแดนในฝันของเหล่า Startup จากทั่วโลก 

หนึ่งบริษัทที่กำลังสร้างตัวเองอยู่ใน Silicon Valley มีชื่อว่า “Script Inc.” บริษัทสร้างสรรค์นวัตกรรมบนมือถือ เจ้าของแอพพลิเคชั่นแต่งภาพสุดคูล Flipjam และ PicCandy ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก 

นี่ไม่ใช่ธุรกิจสัญชาติอื่นใด แต่เป็น Startup ของคนไทยแท้ๆ โดยผู้ก่อตั้งชื่อ มิ้งค์-ภัทรพร (สุขสมปอง) สกุลคู สาวเก่งผู้เขียนหนังสือ “เก่งสวย รวยเปลี่ยนโลก Startup” ที่ประสบความสำเร็จมากๆ ในปีที่ผ่านมา 

20 ตุลาคม 2558

ทำความรู้จัก Jordan Belfort : The Wolf of Wall Street ตัวจริง

เชื่อว่าคอหุ้นหลายๆคน คงเคยดูหนังเรื่อง The Wolf of Wall Street ที่นำเรื่องจริงจากชีวิตชายชื่อ Jordan Belfort มาตีแผ่ให้เห็นอีกด้านนึงของตลาดหุ้น เกิดเป็นกระแสวลีสุดฮิต “Sell me this pen” – ขายปากกานี้ให้ฉัน ถ้าคุณขายปากกาธรรมดาๆได้ คุณก็ขายได้แทบทุกอย่างบนโลกนี้

Jordan Belfort เป็นนักธุรกิจและนักขายมือทองผู้ร่ำรวยและโด่งดังจากผลงานการเป็นนายหน้าค้าหุ้นใน Wall Street ทำเงินมหาศาลภายในเวลาอันรวดเร็วและรวยถึงขั้นใช้เงินไม่ทัน เกิดการพัวพันกับธุรกิจสีเทา เหล้ายา และผู้หญิงจนตกต่ำติดคุก เมื่อพ้นโทษออกมาก็ตั้งปณิธานจะนำประสบการณ์ชีวิตมาถ่ายทอดเป็นบทเรียนแก่ผู้อื่นให้ร่ำรวยและเป็นคนดี

อยากจะรวย ช่วยไม่ได้

Jordan Belfort เกิดและโตในย่าน Bayside ในนิวยอร์ก ครอบครัวทำงานบริษัทในตำแหน่งพนักงานบัญชี มีฐานะปานกลาง และภาพที่เห็นจนชินตาและเกิดคำถามในใจคือ พ่อแม่ที่ทำงานหนัก แม้จะมีกินมีใช้แต่ไม่รวยแบบเด็ดขาดและไม่ค่อยมีเวลาให้ครอบครัว สภาพครอบครัวที่เป็นทำให้เขาตั้งมั่นกับตัวเองว่า “ฉันจะรวยให้ได้”

19 ตุลาคม 2558

Jordan Fried วิถีรวยแบบ The New Rich ไม่ต้องรอรวยก็เที่ยวรอบโลกได้

ใครเป็นแฟนคลับหนังสือ The 4-Hour Work Week ของ Tim Ferriss ต้องคุ้นเคยกับคำว่า The New Rich เป็นวิถีของคนรวยรุ่นใหม่ที่ผมขอเรียกเอาเองว่า ไม่ต้องรอให้รวยก็รวยได้

Tim Ferriss มองว่าความร่ำรวยจะไร้คุณค่าถ้าคุณหาอิสรภาพทางเวลาให้กับชีวิตไม่ได้ ดังนั้นเจ้าของกิจการแบบ Traditional business หรือ เถ้าแก่เฝ้าร้าน ที่ต้องคุมงานทั้งวันทุกวันไม่ใช่คนรวยในมุมมองของ Tim Ferriss

เขามองว่าคนรวยอย่างสมบูรณ์แบบต้องเป็นคนที่มีธุรกิจที่สร้างรายได้ต่อเนื่องโดยคุณไม่ต้องอยู่ในระบบตลอดเวลา

ในแง่ของเม็ดเงิน คุณก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีรายได้เป็นร้อยล้านพันล้านแบบ Fortune 500 Company อะไรพวกนั้น ขอเพียงคุณมีรายได้พอเพียงมีใช้เหลือเก็บและมีเวลาให้แก่ชีวิตตัวเองมากโดยไม่ต้องลำบากทำงานทั้งวันนั่นคือ The New Rich

16 ตุลาคม 2558

10 ข้อควรรู้ก่อนเกษียณ


1. 'เงินเดือนเสี่ยงสุด' ..พอเกษียณแล้วไม่มีเงินเดือน แถมเดี๋ยวนี้เงินก้อนหลังเกษียณแทบไม่มี เพราะมันเป็นค่าใช้จ่ายที่บริษัทต้องตัดเป็นอย่างแรกเมื่อต้องการลดต้นทุนธุรกิจ

2. 'ยุคนี้อายุเราโคตรยืน' ..ด้วยการแพทย์ปัจจุบัน คุณจะอยู่กันเป็น 100 ลองคำนวณซิว่า เมื่อไหร่เงินเก็บที่คุณมีจะ 'สลดเพราะใช้เงินหมดก่อนตาย'

3. 'ลูกหลานเลี้ยงดูเราไม่ได้' ไม่ใช่ลูกหลานไม่กตัญญู แต่ตัวมันเองยังเอาตัวไม่รอด จะเอาปัญญาที่ไหนมาดูแลคนเกษียณอย่างเรา ..ภาระคือสิ่งแรกที่คนทิ้งเมื่อเกิดวิกฤต -- อย่าทำตัวเราให้เป็นภาระ เพราะวิกฤตเกิดประจำ

4. 'ไม่รู้จักคำว่า Passive Income' ..คำนี้สวรรค์ชัดๆ สำหรับคนที่มี ..Passive Income คือ เงินที่ไหลเข้ามาหาเราเรื่อยๆ แม้ว่าเราจะหยุดทำงาน หรือ แม้กระทั่งป่วย เงินนี้ก็ยังไหลเข้ามา ...การสร้าง Passive Income มันเกิดจากการลงทุนแบบซื้อของที่มูลค่าสร้างรายได้แบบไม่ขายสิ่งนั้นชั่วชีวิต เช่น ออมในหุ้น , ออมในอสังหาให้เช่า

15 ตุลาคม 2558

จอห์น วู้ด ลาออกจากผู้บริหารไมโครซอฟท์ เพื่อสร้างห้องสมุดในชนบท

โครงการห้องสมุดทั่วโลก ‘Room to Read’ ซึ่งก่อตั้งเมื่อ 15 ปีก่อน โดยอดีตผู้บริหารไมโครซอฟต์ ปัจจุบันมีห้องสมุดทั้งหมด 17,500 แห่งทั่วโลกแล้ว และช่วยเหลือเด็ก ๆ ให้มีหนังสือได้อ่านกันถึง 10 ล้านคน

นายจอห์น วู้ด เล่าถึงประสบการณ์ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขาลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารบริษัท ไมโครซอฟท์ และมาริเริ่มโครงการดังกล่าวว่า เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่เขาได้มีโอกาสแวะเยี่ยมโรงเรียนบนเขาแห่งหนึ่งของหมู่บ้าน บาฮุนดันดาในเนปาล ซึ่งห้องสมุดที่นั่นมีหนังสือเพียงไม่กี่เล่ม โดยเป็นหนังสือที่นักท่องเที่ยวทิ้งเอาไว้ บางเล่มถูกเก็บล็อกกุญแจเอาไว้ในตู้เสมือนของมีค่า โดยไม่อนุญาตให้เด็กยืมอ่าน เขาเล่าว่า ก่อนเดินทางออกจากหมู่บ้าน ครูใหญ่พูดส่งท้ายกับเขาว่า หากมีโอกาสได้กลับมาอีก ช่วยเอาหนังสือติดมือมาสักสองสามเล่ม

หยุดใช้เงินซื้อความสุข หนทางสู่ 'อิสระภาพทางการเงิน' ของ 'ทศวรรษ ทองสุข'

หยุดใช้เงินซื้อความสุข หนทางสู่ 'อิสระภาพทางการเงิน' ของ 'ทศวรรษ ทองสุข' กรรมการสมาคมวีไอ ย้ำเป้าหมายการลงทุน อยากเห็นพอร์ตหุ้นโตปีละ 26%

'วินัยในการบริหารเงินที่สูงมาก' ของนักลงทุนแนววีไอ 'ทศวรรษ ทองสุข' เจ้าของนามแฝง 'TODTO' ประจำเวปไซด์ THAIVI ในฐานะกรรมการ สมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) ทำให้ชีวิตเจอกับคำว่า 'อิสระภาพทางการเงิน' เมื่อ 4 ปีก่อน

 'ชายวัย 33 ปี' ดีกรีปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และปริญญาโท หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ภาคค่ำ) จะเข้าสู่แวดวงนักลงทุน Value Investment และตัดสินใจลาออกจากอาชีพมุนษย์เงินเดือน เมื่อ 3 ปีก่อน หลังนั่งทำงานตำแหน่ง โปรแกรมเมอร์ สำนักข่าวรอยเตอร์ส (ประเทศไทย) มานานหลายปี

เขาเคยใช้เวลาหลังเลิกงานทำธุรกิจเล็กๆ รวดเดียว 2-3 กิจการ เพราะต้องการทดลองวิชาที่เรียนมา เช่น ร้านเช่าเซิร์ฟเวอร์,สร้างเว็บไซต์ และร้านไอศรีม ควบคู่กับการปล่อยเช่าคอนโดมิเนียม

ผลของการอยากเป็นเถ้าแก่น้อย คือ 'เจ๊งทุกกิจการ' หลังทดลองดำเนินการมาประมาณ 2-3 ปี สาเหตุที่ไม่ประสบความสำเร็จเป็นเพราะ 'ไม่มีประสบการณ์มากพอ'

14 ตุลาคม 2558

กลยุทธ์การลงทุนของ “ฟิลลิป ฟิชเชอร์” นักลงทุนระดับตำนาน

“ฟิลลิป ฟิชเชอร์” ได้รับการขนานนามว่าเป็น “บิดาแห่งการลงทุนแบบเน้นการเติบโต” และเป็นหนึ่งในนักลงทุนชั้นครูที่สุดยอดนักลงทุนแห่งยุคอย่าง “วอร์เรน บัฟเฟตต์” ให้การยอมรับนับถือ 

ครั้งหนึ่ง “บัฟเฟตต์” เคยบอกไว้ว่า การลงทุนของเขามีส่วนผสมของ “เบนจามิน เกรแฮม” 85 % และของ “ฟิลลิป ฟิชเชอร์” 15 % แต่ก็มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้วน่าจะเป็น 50 % กับ 50 % มากกว่า เพียงแต่ “บัฟเฟตต์” อาจจะต้องการให้เกียรติแก่ “เกรแฮม” ผู้อาจารย์ที่เขาเคารพรัก

“ฟิชเชอร์” เริ่มต้นการทำงานในตำแหน่งนักวิเคราะห์หลักทรัพย์หลังจบการศึกษาระดับปริญญาโททางด้านบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด จากนั้นเขาได้ก่อตั้งบริษัท Fisher & Company ที่ซานฟรานซิสโกในเดือนมกราคม 1931 ซึ่งดูเหมือนจะไม่ใช่ฤกษ์งามยามดีสักเท่าไหร่ เนื่องจากเป็นช่วงที่เพิ่งเกิดสภาวะเศรษฐกิจและตลาดหุ้นตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression ปี 1929) แต่กลับกลายเป็นช่วงเวลาที่ถูกต้อง หลังจากผ่านพ้น 2 ปีแห่งความเลวร้ายของตลาดหุ้น นักลงทุนจำนวนมากรู้สึกไม่ไว้เนื้อเชื่อใจโบรกเกอร์ที่พวกเขาเคยใช้บริการ และหันมารับฟังมุมมองใหม่ๆ ในการลงทุนจากคนรุ่นใหม่ไฟแรงอย่าง “ฟิชเชอร์”

13 ตุลาคม 2558

ปรมาจารย์ด้านศิลปะ 'ถวัลย์ ดัชนี'

ผลงานของ อ.ถวัลย์ มีรูปแบบเฉพาะตัวอีกคือ เป็นผลงานที่ดูลึกลับ น่าสะพรึงกลัว ด้วยอสูร หรือสัตว์ต่าง ๆ ในท่าทีเกรี้ยวกราด ซึ่งอยู่ในโทนสีขาวดำมืดครึ้มเป็นหลัก และยังใช้ฝีแปรงและการแรเงาที่สะท้อนอารมณ์ภายในออกมาอย่างเต็มเปี่ยม แต่ภายใต้ความน่าเกรงขามดังกล่าว กลับแฝงไปด้วยคติธรรมและข้อคิดที่บางคนอาจลืมเลือนไปนานแล้ว และด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบนี้เอง ทำให้ใคร ๆ ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า "เห็นเพียงหางตาก็รู้แล้วว่า นี่คือผลงานของ อ.ถวัลย์"

ว่ากันว่าภาพเขียนของอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี มีราคาแพงที่สุดในประเทศไทย ซึ่งตัวเลขสูงสุดที่ว่านั้นคือ 20 ล้านบาท!  อาจารย์ถวัลย์ปฏิเสธการขายรูปมาตั้งแต่อายุ 50 ปีแล้ว "ใครอยากจะจองจบกันเลย เพราะตั้งแต่นี้ต่อไปจนตาย ผมจะเขียนรูปใส่บ้านผมอย่างเดียว ให้มันเป็นมหกรรมเลย ใครอยากเห็นให้ไปดูในวิดีโอได้ ผมขายมามากพอแล้ว เก็บเงินไว้สำหรับพอใช้แล้ว เพราะฉะนั้น ผมจึงไม่ต้องการเงินทองอะไรอีกแล้ว"

8 ตุลาคม 2558

"ศักดา สรรพปัญญาวงศ์" ให้เวลากับการเลือกหุ้น...สไตล์ VI

ศักดา ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ให้ความรู้ A-Academy ย้อนอดีตให้ฟังว่า เริ่มต้นลงทุนมาตั้งแต่ปี 3 นับจนถึงปัจจุบันก็ประมาณ 10 ปี แล้ว แต่ในช่วง 3 ปี แรกไม่เป็นชิ้นเป็นอันเท่าไร ตอนนั้นเริ่มต้นลงทุนด้วย "กองทุนรวม" แต่ไม่ถึงปีก็ไปเปิดพอร์ตหุ้นลงทุนด้วยตัวเองแต่ช่วงปีแรกยังสะเปะสะปะมั่วไปหมด ใช้ทุกแนวอ่านอะไรมาก็ไปทำแบบนั้น ตอนนั้นประมาณปี 4 แล้ว ที่ดีหน่อยคือตัวเองไม่ได้อ่านเฉพาะหนังสือแนวลงทุนแต่อ่านหนังสือรอบด้านกว่านั้นรวมถึงแนวการเงินส่วนบุคคลด้วยเล่มที่อ่านในตอนนั้นชื่อ "วางแผงรวยยกกำลัง 2" จึงตระหนักว่าเรียนมาเพื่อหาเงินมาทั้งชีวิต  แต่ไม่มีใครมาสอนเรื่องการจัดการเงินให้เลย แต่นี่คือโลกของความเป็นจริงตั้งแต่นั้นจึงเริ่มลงทุนและออม เมื่อมาต่อโทที่ NIDA ด้านการเงินก็เริ่มได้แนวทางการลงทุนที่มีความสุขมากขึ้นนั่นคือ "การลงทุนแบบเน้นคุณค่า " ซึ่งกลายมาเป็นแนวทางในการลงทุนในหุ้นปัจจุบันของตัวเองทั้งพอร์ต

"ในมุมของคนที่ลงทุนแบบเน้นคุณค่าที่มองธุรกิจเป็นหลัก สมมติเราสร้างธุรกิจมาธุรกิจหนึ่งแล้วมันมีอุปสรรคเข้ามา คงไม่ใช่ปิดกิจการแล้วไปเริ่มธุรกิจใหม่แต่เป็นเรื่องของการจัดการให้ผ่านมรสุมตรงนี้ไปได้ยังไง คือ ถ้าคนทำธุรกิจเป็นแบบนั้น ในมุมมองการลงทุนของผมก็เป็นแบบเดียวกัน คือ ไม่ได้ไปตามข่าวอะไรที่สั้นขนาดนั้น หัวใจสำคัญไม่ใช่ทฤษฎีการเงินอะไรมากมาย สำคัญคือการมองธุรกิจออกมากกว่าว่าธุรกิจนี้เป็นไง จะแข่งขันได้ไหม จะโตได้ไหมเมื่อเกิดภัยหรือโอกาส เป็นหน้าที่ของผู้บริหารที่เราเลือกแล้วว่าเขาจะต้องนำพาธุรกิจให้ผ่านไปได้ เพราะฉะนั้นผลไม่ว่าเกิดอะไรก็ตามถ้าธุรกิจยังดี ยังตรวจสอบได้ เช่น เรายังไปเดินชมได้ เห็นคนยังเข้าคิวกิน เข้าคิวใช้อยู่ เราก็ซื้อต่อไปเรื่อยๆ แนวนี้ก็ทำมาถึงทุกวันนี้"

29 พฤษภาคม 2558

กูรูพันล้าน เสี่ยยักษ์ วิชัย วชิรพงศ์ บทสรุปของ “สุดยอดวิชา” จาก เสี่ยยักษ์ วิชัย วชิรพงศ์

1. จะอยู่รอดต้องเป็นมืออาชีพผมเตรียมที่จะมาพูดตรงข้ามกับคุณศิริวัฒน์เลย คือคุณศิริวัฒน์ บอกว่าอย่าเอาตลาดหุ้นมาเป็นอาชีพ แต่ผมคิดว่าถ้าเราจะอยู่ในตลาดหุ้น เราต้องเป็นมืออาชีพ เช่น คุณจะเป็นหมอฟันต้องเรียนทันตแทพย์มา คุณจะเล่นหุ้น เจ็ดวันคุณมาเล่นหุ้นแล้ว แล้วคุณก็เออ ก็ได้ ทุกคนส่วนมากเล่นหุ้นแรกๆ มักจะได้แล้วก็จะตามเพื่อน สุดท้ายเพื่อนที่อยู่มาสิบปีก็มีผิดเหมือนกัน ผิดเพราะรู้ไม่จริง

2. เทคนิคเคิลไม่เคยหลอก ผมอยู่มาประมาณ 20 ปี เทคนิคเคิลไม่เคยหลอก ผมขอยืนยัน ถ้าคุณเก่งจริง เทคนิคไม่เคยหลอกเพียงแต่เราไม่รู้ ดังนั้นเราต้องเป็นมืออาชีพให้ได้ นี่คือข้อที่ 1

3. รายย่อยได้เปรียบรายใหญ่ ข้อที่ 2 นักเล่นหุ้นทุกคนล้วนเคยเป็นรายย่อยมาหมด เมื่อก่อนผมก็เป็นรายย่อย หลายคนบอกว่ารายใหญ่ได้เปรียบ มันไม่ใช่เลย รายย่อยต่างหากที่ได้เปรียบ เพราะว่าคุณซื้อหนึ่งครั้งคุณเต็มพอร์ต คุณขายหนึ่งครั้งหมดพอร์ต แต่ถ้ารายใหญ่หลายร้อยล้านหุ้น จะขายยังไงดังนั้นรายย่อยจึงได้เปรียบรายใหญ่มากๆ

19 พฤษภาคม 2558

ทิ้งรายได้เดือนละ 2 แสน สู่เส้นทางอิสระภาพทางการเงิน ภาสุชา อุตรวณิช

หนึ่งในเซียนหุ้นรุ่นใหม่ “ภา” ภาสุชา อุตรวณิช คุณแม่ยังสาววัย 34 ปี อดีตเจ้าของธุรกิจขนส่ง มีเงินสดไหลเข้าบริษัทเดือนละกว่า 200,000 บาท แต่ภา เลือกที่จะปิดธุรกิจส่วนตัว เพื่อออกมาลงทุนในตลาดหุ้นแนว Value Investor (วีไอ) ภายใต้พอร์ตของสามี ก่อนจะมาเปิดพอร์ตเป็นของตัวเอง ภา ยึดแนวทางการลงทุนแบบอนุรักษ์นิยม หวังผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 15% ที่ผ่านมาพอร์ตการลงทุนเติบโตอย่างน่าพอใจ 

เจ้าของนามแฝง "KIRI" ในเวบไซต์ไทยวีไอ ย้อนประวัติส่วนตัวให้กรุงเทพธุรกิจ BizWeek ฟังว่า บังเอิญมีโอกาสได้คุยกับคุณอาของสามี เขาทำธุรกิจขนส่งดูน่าสนใจจึงตัดสินใจขายบ้านย่านศรีราชาที่ไม่ได้อยู่อาศัยได้เงินมาล้านกว่าบาท แล้วไปยืมเงินพ่อแม่ของแฟนมาอีก 2 ล้านกว่าบาท เพื่อมาซื้อรถบรรทุก 2 คัน ทำธุรกิจขนส่งสินค้า มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ตอนนั้นมีพนักงาน 7 คน"ธุรกิจประสบความสำเร็จมาก มีเงินสดเข้าบริษัททุกเดือน คิดเป็นรายได้ตก 200,000 กว่าบาทต่อเดือน ตอนนั้นอายุ 27-28 ปี ทำได้เกือบ 2 ปี ก็เลิก เริ่มทำงานยากขึ้นมีคนอยากทำธุรกิจนี้ค่อนข้างมาก บางคนไม่จ้างพนักงานทำเองทั้งหมดทำให้เขามีต้นทุนไม่สูง อีกอย่างเริ่มสนใจการลงทุนในตลาดหุ้นแล้ว

ณัฐชาต คำศิริตระกูล ลาออกจากงานประจำได้ด้วยการลงทุน

พอร์ตใหญ่เท่าไรไม่ยอมบอก แต่รับเงินปันผล 'หลักล้านบาท' ต่อปี 'กานต์' ณัฐชาต คำศิริตระกูล อดีตมนุษย์เงินเดือน 'เครือซิเมนต์ไทย' วัย 32 ปี 

เคยเป็นพนักงานบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ที่ใครๆ ก็อยากไปทำงานด้วย แต่ “กานต์” ณัฐชาต คำศิริตระกูล อดีตวิศวกรฝ่ายการตลาด บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) วัย 32 ปี เขาเลือกที่จะทิ้งเงินเดือนหลายหมื่นบาท หน้าที่การงานที่ใครหลายคนมองว่าเป็นอาชีพที่มั่นคง มีโอกาสก้าวหน้า และมีสวัสดิการดีเป็นเลิศ ตัวเขากลับมองว่าอาชีพลูกจ้างชาตินี้คงหาความมั่นคงไม่ได้ ทันทีที่สิ้นเสียงความคิด! มนุษย์เงินเดือนอย่างเขาก็พร้อมสบัดเก้าอี้ที่เคยนั่งทำงานทุกวัน เพื่อออกไปแสวงหาความยั่งยืนให้กับชีวิต ด้วยการเล่นหุ้นอย่างมีสติ

 "ผมลงทุนแนว Value Investor มา 7 ปีแล้ว เพิ่งลาออกจากงานประจำเมื่อปี 2554 เพื่อมาลงทุนอย่างจริงจัง อีกอย่างต้องการทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับสมาคมฯ และต้องการมีเวลาดูแลครอบครัวมากขึ้น ตอนนี้ตั้งใจจะนำเงินที่ได้จากการลงทุนไปซื้อที่ดิน เพื่อปลูกบ้านให้พ่อกับแม่ที่จังหวัดขอนแก่น และกำลังจะหาซื้อคอนโดมิเนียมเป็นของตัวเอง ทุกวันนี้ยังเช่าเขาอยู่" 

17 กุมภาพันธ์ 2558

ทฤษฎีเล่นหุ้น ‘ นพ.พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี’

ทฤษฎีเล่นหุ้น ‘ นพ.พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี’ นายแพทย์หนุ่ม ไม่ได้เกิดมาพร้อมมรดกพันล้านแต่วันนี้เขาเป็นเจ้าของพอร์ตหุ้น(เงิน สด)2,000 ล้านบาท ความสำเร็จแลกมาด้วยความพยายาม’ขั้นกว่า’ 

หลังเรียนจบคณะแพทยศาสตร์จุฬาฯ รุ่น 34 สาขาหู คอ จมูก เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาที่เรียนมาได้เพียง 2 ปี นพ.พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี หักเหชีวิตครั้งสำคัญไปเทคคอร์สสั้นๆ เกี่ยวกับความงามในต่างประเทศ เขาใช้เวลาร่ำเรียนอย่างหนักเป็นเวลา 2 ปี ก่อนจะกลับมาเปิดคลินิกของตัวเองใช้ชื่อ พงศ์ศักดิ์คลินิก สาขาแรกที่จังหวัดระยอง 

ปัจจุบันนายแพทย์หนุ่มใหญ่วัย 47 ปีรายนี้เป็นนักธุรกิจเจ้าของคลินิกความงามที่มีสาขาทั่วประเทศมากถึง 50 สาขา อีกบทบาทหนึ่งเขาเป็น Value Investor (วีไอ) ชั้นแนวหน้า หลังได้อ่านหนังสือ “ตีแตก” ของ “ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร” เมื่อหลายปีก่อน ชีวิตของหมอหนุ่มเกิดแรงบันดาลใจก้าวเข้าสู่ตลาดหุ้นจนถอนตัวไม่ขึ้น เริ่ม ลงทุนครั้งแรกประมาณปี 2547 ด้วยเงินทุนประเดิม 2-3 ล้านบาท ประสบความสำเร็จมาเรื่อยๆ จนปัจจุบันมีพอร์ตเงินสดประมาณ 2,000 ล้านบาท และเป็นนักลงทุน “รายบุคคล” รายใหญ่ระดับแนวหน้าของประเทศ คุณหมอนักลงทุนเปิดฉากเล่าหลักการลงทุนของตัวเองให้ฟังว่า จะผสมผสานรูปแบบทั้งของส่วนตัวและหลักคิดของ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร เข้าด้วยกัน