4 กรกฎาคม 2559

“เสี่ยเคน” โสรัตน์ วณิชวรากิจ ลงทุนหุ้นอย่างไรให้บรรลุเป้าหมายชีวิต

ควันหลงจากงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 44 ที่ผ่านมา Money & Wealth จัดเสวนาเชิญ “เสี่ยเคน” โสรัตน์ วณิชวรากิจ มาเสวนาเบาๆ ในหัวข้อ “ลงทุนหุ้นอย่างไรให้บรรลุเป้าหมายชีวิต” ซึ่งเสี่ยเคนให้ข้อคิด มุมมองจากประสบการณ์ในชีวิตจริงที่น่าสนใจ และในฐานะที่เป็นผู้ฝักใฝ่ธรรมะของพระพุทธองค์ เขาก็ไม่ลืมที่จะนำข้อคิดจากหลักธรรมะมาสอดแทรกอธิบายให้ฟังด้วย

ในด้านชีวิตการลงทุน โสรัตน์บอกว่าเขาได้อ่านเรื่องราวของนักธุรกิจหลายคนที่ประสบความสำเร็จหลายท่าน เช่น คุณวิชัย พูลวรลักษณ์ เจ้าของ Major Cineplex คุณวิลเลียม ไฮเนคกี้ เจ้าของ Pizza และ Swensens ได้เห็นวิธีการบริหารจัดการของนักธุรกิจเหล่านี้ ชอบมาก พวกเขาเป็นคนเก่ง

“ดูไปดูมา ก็รู้สึกว่า อ่านเรื่องราวของพวกเขาอย่างเดียว ไม่สนุก หากได้มีโอกาสเข้าไปคุยไปศึกษาก็คงจะดี การอ่านเรื่องราวเหล่านั้นมีประโยชน์คือสามารถนำมาดัดแปลงใช้กับกิจการของเราได้ แต่เมื่อศึกษาแล้วพบว่ากิจการนี้ดี และหากได้เข้าไปลงทุน ก็น่าจะดี”

“การที่เราเกาะไปกับเขา เราสามารถเป็น Spider Man เกาะไปกับเขาได้ นี่ก็เลยเป็นจุดเริ่มที่ชอบ หลังจากนั้น ได้เอาความรู้มาใช้ เมื่อพบว่าดี ก็กลับไปลงทุนในกิจการนั้นด้วย ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาคือเกิดความมั่งคั่งตามมาด้วย” โสรัตน์กล่าว

เขามีมุมมองว่าหากนำเงินไปลงทุนใน “หุ้นของบริษัทที่ชนะแล้ว” ก็จะเป็นการย่นระยะและความเสี่ยง ดีกว่าเอาเงินไปลงทุนทำธุรกิจเอง กล่าวได้ว่าเป็นทางลัดในการเป็นเจ้าของธุรกิจนั่นเอง


22 มิถุนายน 2559

"โรนัลโด" นักเตะที่ไม่ได้มีดีแค่ในสนาม

คริสเตียโน โรนัลโด ปีกจอมลีลาของทีมชาติโปรตุเกสและสโมสรรีล มาดริด เป็นนักฟุตบอลที่ถูกจัดให้อยู่ในประเภทไม่มีพรสวรรค์ แต่มีพรแสวงซึ่งเกิดจากการมุ่งมั่นฝึกซ้อมอย่างหนัก จนกระทั่งคว้ารางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่าในปี 2013 และ 2014 การฝึกหนักของโรนัลโด ถึงขนาดที่ เดโก้ ซึ่งเป็นรุ่นพี่ในทีมชาติโปรตุเกส เปิดเผยว่า ไม่เคยเห็นใครฝึกหนักเท่านี้มาก่อน โรนัลโด้ฝึกอย่างกับคนบ้า เขามีความมุ่งมั่นที่น่าทึ่งอย่างมาก

และนี่คือเรื่องราวที่น่าสนใจของเขา ....

1. โรนัลโด ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ เพราะมันทำให้นึกถึงการจากไปของพ่อของเขาที่เสียชีวิตเพราะเหล้า

2. โรนัลโด ไม่สัก เพราะต้องการจะบริจาคเลือดทุกๆ 6เดือน !!! คนดังน่าเอาเป็นแบบอย่างโดยเฉพาะนักกีฬาที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ทั้งหลาย

3. โรนัลโดขาย “รองเท้าทองคำ”ของตัวเอง ในมูลค่า1.5ล้านยูโร (60ล้านบาท)เพื่อบริจาคให้โรงเรียนในเมือง Gaza ปากีสถาน

7 มิถุนายน 2559

โจน จันได : ผู้มีชีวิตที่ง่ายและดีงาม.....

ชายร่างกำยำ กายกร้านแดด สวมเสื้อยืดเก่าคร่ำคร่า สีมอซอเช่นเดียวกับกางเกงเลที่สวมใส่ เดินเท้าเปล่านำหน้าไปยังบ้านดินที่อยู่บนยอดเนินเขา บ้านดินที่เขาอาศัยอยู่กับลูกและภรรยาชาวอเมริกัน

    โจน จันได คือชายผู้นั้น ลูกชาวนาแห่งยโสธร ผู้บุกเบิกและก่อตั้งศูนย์พันพรรณ ชุมชนแห่งการพึ่งตนเอง ที่พำนักของผู้คนที่ต้องการใช้ชีวิตง่าย ๆ

    “ชีวิตมันเป็นเรื่องง่าย ๆ ไม่ต้องทำให้มันยาก” ปรัชญาชีวิตที่ผ่านการตกผลึกของเขา

เขาเรียนหนังสือจนจบ ป.๗ รุ่นสุดท้าย ก็มาบวชเป็นสามเณรในกรุงเทพฯ อาศัยเรียนการศึกษานอกโรงเรียน จนกระทั่งจบการศึกษาผู้ใหญ่มัธยมศึกษาตอนปลายที่วัดสัมพันธหงษ์ แล้วก็ลาสิกขาไปเรียนนิติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เรียนได้ราว ๓ ปี ก็เริ่มถามตัวเองว่า “เรียนไปทำไม เรียนไปเพื่ออะไร” ในที่สุดก็ตัดสินใจหันหลังให้กับการศึกษา พาตัวเองไปอยู่เชียงใหม่ เงินที่พอมีอยู่จากการตระเวนสร้างบ้านดินให้คนอื่นก็นำไปซื้อที่ดินบนจนหมดเกลี้ยง

11 พฤษภาคม 2559

‘ซูเปอร์แมนหลี่’ ลีกาชิง บุรุษที่เริ่มต้นจาก 0

มหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลเจ้าของธุรกิจหลายพันล้านบนเกาะฮ่องกงและถือครองหุ้นในบริษัทต่างประเทศอีกหลายแห่ง นายหลี่เจียเฉิง (李嘉诚) หรือชื่อที่รู้จักในแวดวงธุรกิจทั่วโลกว่า "ลีกาชิง" มีบรรพบุรุษเป็นนักการศึกษาที่มีถิ่นกำเนิดมาจากเมืองแต้จิ๋ว เขาเกิดเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ค.ศ.1928 ในเมืองเฉาโจว (แต้จิ๋ว) มณฑลกวางต่ง (กวางตุ้ง) บรรพบุรุษของเขาเป็นปัญญาชนตำแหน่ง ‘ซิ่วไฉ’ ปลายสมัยราชวงศ์ชิงและบิดายังเป็นครูใหญ่แห่งโรงเรียนประถมศึกษาหลายแห่งในเมืองแต้จิ๋วปี ค.ศ.1940 สงครามบุกรุกจีนของกองทหารญี่ปุ่นทำให้ครอบครัวของเขาอพยพลี้ภัยไปอยู่ที่ฮ่องกงหลังจากมาอาศัยในฮ่องกงได้ 2 ปีบิดาก็เสียชีวิต  หลี่ต้องรับภาระดูแลน้องชายน้องสาวด้วยการออกจากโรงเรียนแล้วมาหางานทำเลี้ยงครอบครัวเขาเริ่มจากพนักงานขายในบริษัทผลิตของเล่นพลาสติก หลี่ทำงานหนักวันละ 16 – 20 ชั่วโมง  ก่อนเริ่มงานเวลา 9 โมงเช้าเขายังไปหาลูกค้าใหม่ในเขตอื่น ๆ ตกค่ำก็กลับมาโรงงานเพื่อตรวจสอบใบสั่งซื้อสินค้าด้วยความขยันขันแข็งทำให้ปลายปีหลี่ได้รับโบนัสสูงกว่าใคร ๆ ในที่ทำงานมีอยู่ปีหนึ่งโบนัสของหลี่เจียเฉิงสูงเป็นอันดับหนึ่งในบริษัทโดยสูงกว่าคนที่ได้ลำดับที่ 2 ถึง 7 เท่าและถึงแม้จะงานหนักงานยุ่งเพียงใดหลี่ผู้รักการอ่านจะรีบตื่นแต่ตี 4 ตี 5 เพื่ออ่านหนังสือทุกวัน และยังใช้เวลาว่างตอนเย็นหลังเลิกงานไปเรียนพิเศษเพิ่มเติม “ความรู้พื้นฐานของผมมาจากหนังสือเก่า ๆ หนังสือเก่าที่ซื้อมาพออ่านจบแล้วก็ขายต่อไปแล้วเอาเงินไปซื้อหนังสือเก่าเล่มใหม่มาอ่านอีก ” มหาเศรษฐีหลี่เจียเฉิงเล่าอดีตในวัยเยาว์