24 พฤษภาคม 2554

อยากเป็นนักลงทุนอิสระ

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ให้คนรุ่นใหม่อย่างเราๆ เริ่มมีความคิดที่ทำให้พ่อแม่พี่น้องเริ่มปวดหัว+++

คือความคิดที่ว่า ชั้นไม่อยากทำงานบริษัทแล้ว เบื่อๆๆๆๆ เชื่อได้เลยว่าเด็กไทยมากกว่าครึ่งอยากทำธุรกิจส่วนตัว แต่เชื่อไหมมีไม่ถึง 0.0001% ที่กล้าเดินออกมาจากกรอบ เพราะอะไรน่ะหรอ ก็เพราะสังคมและสิ่งแวดล้อมที่คนไทยเลี้ยงลูกให้อยู่ในกรอบ ห้ามนู่นห้ามนี่ อย่านะลูก!!! สิ่งเหล่านี้ปลูกฝังให้เด็กเป็นโรคขี้กลัวโดยไม่รู้ตัว เริ่มนอกเรื่องไปไกลแล้วเรา....

กลับมาที่เรื่องของเรา เนื่องจากคนรุ่นใหม่ ได้รับผลกระทบจากความสะดวกสบายของเทคโนโยลีสมัยใหม่ ทุกอย่างต้องเร็ว ต้องง่าย ต้องสบาย ทำให้งานบริษัท งานราชการ งานกินเงินเดือนไปวัน ขัดแย้งกับพฤติกรรมของคน ประกอบกับระบบทุนนิยม ที่คนบูชาเงิน ทำให้ลำพังการกินเงินเดือนไม่เพียงพอต่อค่ากิน เที่ยว ดื่ม ของคนไทย ทั้งหมด เป็นที่มาของการหาอาชีพเสริม การขายตรง ขายประกัน หรือธุรกิจแฟรนไซส์ต่าง ก็จะอะไรอีกล่ะ ก็เงินมันไม่พอหนิ



แต่สิ่งที่แสนจะสุดทนของมนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย ก็คือทำงานหนักแทบตาย เงินก็ได้เท่าเดิม ยิ่งทำมาก คนที่ได้กลับไม่ใช่เรา แถมยังต้องมาเป็นที่รองรับอารมณ์ของเจ้านายสุดแสบ ด้วยเหตุนี้ ทำให้เด็กจบใหม่ เริ่มหาอาชีพแปลกๆ ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของตนเองมากขึ้น โดยต้องการงานที่สบาย ต้องการความรวดเร็วในการทำเงิน รู้สึกเป็นอิสระ ได้ใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการ งานนี้ แม้ไม่หรูหรา ขอแค่เลี้ยงชีพได้ ก็คุ้มแล้ว นี่คือสิ่งที่ใครหลายๆคนคิด

โดยอาชีพหนึ่งที่กำลังเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น คือ Freedom Trader นักลงทุนอิสระ ไม่แคร์ใคร ไม่ไปไหน ไม่เหนื่อย ที่สำคัญ บางคนไม่อาบน้ำด้วยซ้ำ ++++ ก็จะอาบทำไมล่ะจริงไหม ทำงานบนเตียงด้วยซ้ำ'''

นักลงทุนอิสระ จริงๆแล้วในต่างประเทศมีคนทำอาชีพนี้เป็นจำนวนมาก แต่ในประเทศไทยเพิ่งมาได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากอาจเป็นเพราะสภาพตลาดเงิน ตลาดหุ้นที่เริ่มกลับมาคึกคัก หลังจากวิกฤติ 40 ที่ทำให้พ่อแม่ของใครหลายๆคน สั่งกำชับลูกๆว่า ตลาดหุ้นเป็นบ่อนการพนัน อย่าไปยุ่งนะลูก??

โดย นักลงทุนอิสระ ในปัจจุบัน มีทั้งลงทุนในหุ้น ค่าเงิน ทองคำ ฟิวเจอร์ ตลอดจนผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ที่ออกมาสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักลงทุน โดยตัวนักลงทุนก็แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือนักลงทุนที่คิดว่าตัวเองเป็นนักลงทุน กับนักลงทุนที่คิดว่าตัวเองเป็นเก็งกำไร ทำไมต้องใช้คำว่า "คิดว่า" เพราะอะไรรู้ไหม เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ แท้จริงแล้วยังไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นยังไง แค่ไหวไปตามสถานการณ์และอารมณ์ +++ แต่ถ้าอยากรู้ว่าตัวเองเป็นยังไง เดี๊ยวมาอ่านต่อในบทความหน้านะ วันนี้เกริ่นไว้แค่นี้ก่อน

By : 2Binvestor

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น