7 ธันวาคม 2555

อย่าให้ใครมาขโมยความฝันของเราไป

ตอนเข้าสู่ตลาดเก็งกำไรใหม่ๆ ทุกคนก็ล้วนมีความหวัง ความฝัน .... ฝันของคุณ อาจจะเพื่อการเกษียณก่อนกำหนด การมีอิสรภาพทางการเงินเพราะไม่อยากทำงานประจำ การขึ้นแท่นเป็นเศรษฐีวัยเยาว์ การหารายได้เพิ่มนอกเหนือจากรายได้ประจำที่โตไม่ทันอัตราเงินเฟ้อ ฯลฯ

แต่หลายคนกลับละทิ้งความฝันไปอย่างง่ายดาย ตั้งแต่ยกแรกๆ เมื่อเผชิญกับ "การขาดทุน" แล้วก็หาเหตุผลต่างๆ มาอธิบายว่า ทำไม คุณจึงไม่เหมาะที่จะอยู่ในตลาดแห่งนี้ จนลืมไปว่า

4 ธันวาคม 2555

'มนสิช จันทนปุ่ม' 'เทรดเดอร์' ผู้เอาชนะตลาดด้วยระบบ

เปิดมุมมองการลงทุนโดยใช้ระบบเทรด "มด"มนสิช จันทนปุ่ม นักเก็งกำไรสไตล์ Trend Following  เจ้าของเว็บไซต์การลงทุนชื่อดัง"แมงเม่าคลับ" ผู้ละทิ้งอีโก้ อารมณ์ พิชิตกำไรในตลาดหุ้น เขามีความเชื่อว่าศาสตร์ของการเก็งกำไรอยู่บนพื้นฐานของ "เหตุและผล" กราฟไม่ได้หลอก และเจ้ามือไม่ใช่ปัญหาของนักเก็งกำไร รากเหง้าของผลกำไรจากระบบการลงทุนที่ยั่งยืน เกิดจากกลไกพื้นฐานของตลาดซึ่งเป็นสิ่งที่เราทุกคนไม่สามารถฝืนหรือหลีกเลี่ยงได้ คำถามสำคัญของนักเก็งกำไร ก็คือ เราจะสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืนได้อย่างไร.........? 

“ส่วนตัวผมลงทุนโดยใช้ระบบเทรดเพื่อตัดอารมณ์ความรู้สึก และใช้เทคนิคคัลแนว Trend Following” เซียนหุ้นหนุ่มเปิดประเด็น..สมัยเด็กๆ เขาก็เริ่มสนใจการลงทุนแล้ว พอจบ ม.6 ก็เริ่มเล่นหุ้นทันที แต่สนใจทางด้านดนตรีด้วยจึงไปศึกษาต่อทางด้านดุริยางคศิลป์ มนสิชก็เหมือนเด็กทั่วไปที่อยากรวยง่ายๆ แต่พอลงสนามจริงๆ กลับไม่ง่ายอย่างที่คิด

1 ธันวาคม 2555

John W. Henry นักเก็งกำไรผู้คลั่งไคล้กีฬา

John W. Henry เจ้าของทีมเบสบอล Boston Redsox และทีมฟุตบอลขวัญใจชาวไทยอย่าง Liverpool รวมถึงเป็นผู้ถือหุ้นในทีมแข่งรถนาสคาร์

ประวัติส่วนตัวของเขาเป็นที่น่าสนใจ เนื่องจากเงินที่เขาใช้ทุ่มลงในวงการกีฬานั้น เขาได้มาจากการเก็งกำไรในตลาด Futures ซึ่งเขาได้รับการยอมนับอย่างกว้างขวางว่าเป็นนักเล่นหุ้นแบบ Long Term Trend Following ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากโดยใช้เวลาไม่นานนัก

30 พฤศจิกายน 2555

Larry Hite พ่อมดตลาดหุ้นกับการลงทุนแบบตั้งรับ

Larry Hite พ่อมดตลาดหุ้นอีกคนหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก เขาเป็นผู้จัดการ Hedge Fund ที่คลั่งไคล้ system trading ในรูปแบบของ trend following เขาเป็นหนึ่งในเซียนหุ้นที่อยู่ในหนังสือขายดีตลอดกาลของ Jack Schwager ชื่อ Market Wizards แม้วันนี้ อายุของเขาจะร่วงเลยไปที่เลข 7 แต่เขาก็ยังไม่คิดที่จะหยุดลงทุน เขาบอกว่า "ผมต้องการลงทุนไปเรื่อยๆ เพราะผมสนุกที่จะทำมัน"



หากคุณถาม Hite ว่าทำอย่างไรเขาถึงประสบความสำเร็จในการเก็งกำไร เขาจะตอบคุณว่า "นั่นเป็นเพราะผมคิดอยู่เสมอว่าผมอาจจะล้มเหลวได้" หลายคนอาจงงกับคำตอบของเขา เรามาดูกัน ว่าเหตุใดเขาถึงตอบเช่นนั้น

13 พฤศจิกายน 2555

Marcello Arrambide เทรดเดอร์อิสระกับการเที่ยวรอบโลก

Marcello Arrambide เทรดเดอร์รุ่นเยาว์ที่หลายๆ คนต้องอิจฉา แม้เขาจะไม่ได้เป็นเทรดเดอร์ที่โด่งดั่งมากเท่าเทรดเดอร์คนอื่น และรายได้จากการเทรดของเขาก็ไม่ถือว่ามากมายนักเมื่อเทียบกับเทรดเดอร์ที่มีชื่อเสียง แต่สิ่งที่น่าสนใจและทำให้เขามีผู้ติดตามผลงานการเทรดมากมายผ่าน blog ส่วนตัวของเขา ก็เป็นเพราะเขาได้ฉีกกฎการใช้ชีวิตแบบเดิมๆ เขาสามารถผสมผสานการทำงานทำเงินผ่านการเทรด ร่วมไปกับการทำสิ่งที่ตัวเองรัก นั่นคือ การเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลก ตลอดชีวิตการเป็นเทรดเดอร์มากว่า 10 ปี เขาได้ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศต่างๆ กว่า 10 ประเทศ และเดินทางท่องเที่ยวไปทุกทวีป อีกเกือบ 50 ประเทศ 


จุดเริ่มต้นของ Marcello Arrambide 
เขาก็ไม่ต่างไปจากคนอื่นๆ ที่ต้องการอิสรภาพทางการเงิน เข้าเริ่มทำงานหาเงินตั้งแต่อายุ 13 ปี เขาทำงานทุกอย่างที่เขาสามารถทำได้ ทั้งร้านเบเกอรี่ ขาย CD กระเป๋า เท่าที่เขาจะคิดได้ แล้วในที่สุดเขาก็ค้นพบว่า งานที่เขาทำอยู่มากมายนั้น ไม่สามารถที่จะทำให้เขาเป็นอิสระได้อย่างแท้จริง เขาเริ่มค้นหาหนทางต่อไป...แล้ววันหนึ่งเขาก็ได้ยินเพื่อนของเขาพูดกันถึงการทำเงินในตลาดหุ้น และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเขาในตลาดแห่งนี้ เขาเริ่่มศึกษามันอย่างจริงจัง และก็เริ่มเข้าสู่ตลาดโดยใช้เงินเก็บและเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาอีกนิดหน่อย และแน่นอนก็เหมือนใครหลายๆคน ที่ก้าวแรกในตลาดแห่งนี้ไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ เขาหมดเงินจำนวนนี้ไปอย่างรวดเร็ว แต่เขาไม่เคยท้อเพราะเค้ารู้ดีกว่าเป้าหมายของเขาคืออะไร เขาจึงพยายามอย่างหนัก เขาทำการทดสอบระบบย้อนหลัง (back test) นับครั้งไม่ถ้วน พยายามพูดคุยกับเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จมากมาย เรียนรู้แนวคิดของคนเหล่านั้น จนในที่สุด เขาก็สามารถเดินทางไปสู่สิ่งที่เค้าต้องการได้ "Freedom''

12 พฤศจิกายน 2555

หลายๆ สิ่งที่พวกเขาไม่ยอมบอกคุณ .....เกี่ยวกับการเป็นเทรดเดอร์ค่าเงิน

เคยไหม เดินไปไหน เห็นใครบางคนกำลังนั่งดูกราฟอะไรไม่รู้อย่างบ้าคลั่ง ประหนึ่งว่ามันสำคัญยิ่งกว่าชีวิต เคยไหมที่มีคนโพสต์ว่าเค้าสามารถทำเงินได้เท่านั้นเท่านี้ จากการเทรดค่าเงิน หุ้น ทองคำหรืออะไรก็แล้วแต่ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ และเคยไหม ที่มีใครบางคนพยายามจะมาชักชวนให้คุณเทรด โดยพวกเขา ยินดีจะสอนให้ฟรีๆ หรือบางคนก็ขอคิดค่าครูสักหน่อย อิอิ ไม่ว่าเจตนาจะเป็นอย่างไร แต่บางครั้งดูเหมือนว่าพวกเขาเหล่านั้น อาจลืมบอกอะไรคุณไป ก่อนที่คุณจะตัดสินใจก้าวเข้ามาในสนามอันหฤโหดแห่งนี้.....



1)  พวกเขาไม่เคยบอกคุณว่า การเทรดค่าเงินเป็นเรื่องที่ยากมาก พวกคุณบางคนอาจตายก่อนที่จะประสบความสำเร็จ!!!

11 พฤศจิกายน 2555

กฎการลงทุนของนักลงทุนระดับโลก

จริงๆ นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จระดับโลกไม่ได้เห็นด้วยกับเรื่องกฏเกณฑ์มากนัก แต่ว่าพวกเขาเห็นด้วยว่า การทำกำไรในตลาดนั้นต้องมาพร้อมกับ "กลยุทธ์" ที่เป็นรูปธรรม เพื่อทำให้เราสามารถตัดอารมณ์ออกไปจากการตัดสินใจได้ไม่มากก็น้อย


วันนี้ เราได้รวบรวม กฎการลงทุนหรือกลยุทธ์ของนักลงทุนระดับเซียนไว้ถึง 6 คน ดังนี้

 – Warren Buffett -
"เราควรจะซื้อบริษัทที่ดีในราคายุติธรรม ดีกว่าซื้อบริษัทที่ธรรมดาแต่ราคาแพง "

Warren Buffett ถือว่าเป็นนักลงุทนที่ประสบความสาเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ เขาได้ให้หัวใจสำคัญในการลงทุนแก่นักลงทุน คือ เมื่อคุณทำการประเมินบริษัท ให้ดูที่คุณภาพ, คุณภาพของบริษัทนั้นสำคัญมากที่สุด หลังจากที่คุณได้รู้คุณภาพของบริษัท ราคาที่เหมาะสมจะถูกกำหนดโดยอัติโนมัติ เขากล่าวว่าถ้าคุณภาพของบริษัทนั้นสูง อย่าคาดหวังว่าจะได้ราคาหุ้นของบริษัทในราคาถูกมากๆ แต่ถ้าบริษัทนั้นไม่มีคุณภาพก็อย่าไปซื้อเลยเพียงเพราะว่าราคามันต่ำ แต่บางครั้งบริษัทดีดี ก็มีจังหวะที่ราคาถูกเหมือนกัน ซึ่งเมื่อคุณเจอมันแล้ว ให้คุณทำการศึกษามันให้ลึกซึ้ง ถ้าบริษัทนั้นยังคงดูดี จงซื้อไว้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด ต่อให้หุ้นดีแค่ไหน ถ้าราคามันเกินมูลค่าของมัน ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณจะซื้อมันไว้

ระบบเทรดสำคัญไฉน

เมื่อเกมส์การลงทุน เราไม่สามารถหลีกพ้นกับการเผชิญหน้ากับอารมณ์ที่อยู่ในตัวเราได้ เมื่อราคาถูกขับเคลื่อนด้วยความกลัวและความโลภ การส่งคำสั่งซื้อขายจึงหนีไม่พ้นการถูกครอบงำโดยอารมณ์ที่เกิดขึ้นในชั่วขณะ.....มีคนบอกว่า ถ้าคุณเจอคนที่กำลังจะคิดสั้นฆ่าตัวตาย หากคุณพยายามชวนเค้าคุยไปเรื่อยๆ คนเหล่านี้มีโอกาสที่จะเปลี่ยนใจมากกว่า 50% เพราะการที่เค้าได้ขจัดความเงียบไปจากใจ สติก็จะเริ่มกลับมา 

ในเรื่องของการลงทุน ผู้เขียนก็เชื่อว่า ก่อนที่คุณจะคีย์ order ด้วยอารมณ์ชั่ววูบนั้น  หากคุณมีใครสักคน มาถามหรือเตือนคุณเกี่ยวกับสิ่งที่คุณกำลังจะทำ ว่ามันดีจริงหรือ คุณก็อาจจะเรียกสติกลับมาได้ ก่อนที่คุณจะประหารชีวิตทางการเงินของคุณด้วยการคิดสั้นสั่งซื้อขายด้วยอารมณ์ชั่ววูบ แต่แน่นอน เราคงไม่สามารถหาใครที่จะมานั่งเฝ้าคอยเตือนสติเราได้ตลอดเวลา ดังนั้น การมีกฎการลงทุน ,ระบบ หรือ กลยุทธ์ในการลงทุน จึงเข้ามาช่วยเราได้ในฐานะที่ปรึกษา ในฐานะเพื่อน เพราะถ้าก่อนที่คุณจะลงทุน คุณถูกเจ้าสิ่งนี้คอยสอบทานความเหมาะสม คุณก็อาจเปลี่ยนใจที่จะไม่เหนี่ยวไกปืน!!!!

31 ตุลาคม 2555

ฉัตรชัย วงแก้วเจริญ เซียนหุ้น VI นักแกะงบ

อยากเล่นหุ้นได้กำไรต้องอ่านงบการเงินให้ 'ขาดกระจุย' ฉัตรชัย วงแก้วเจริญ เซียนหุ้น VI เจ้าของพอร์ต 'เลข 9 หลัก' 

ฉัตรชัย วงแก้วเจริญ เซียนหุ้นวีไอ วัย 44 ปี เป็นที่ร่ำลือว่ามีความสามารถในการ "ถอดงบการเงิน" เป็นเลิศ เขามีข้อได้เปรียบตรงที่ว่าเคยผ่านงานธนาคารต้องวิเคราะห์สินเชื่อลูกค้าว่ามีกำลังผ่อนชำระคืนแบงก์ได้หรือไม่ เขานำประสบการณ์ตรงนั้นบวกกับความรู้ที่ร่ำเรียนมาวิเคราะห์งบการเงินของบริษัทในอนาคต 3-5 ปีข้างหน้า ความสามารถนี้เองที่ทำให้เขาสร้างผลตอบแทนในตลาดหุ้นได้อย่างงดงาม

ความแตกต่างจากเซียนหุ้นทั่วไป ฉัตรชัยจะทุ่มเงินลงทุนทั้งหมดในหุ้นที่เขามั่นใจเพียงไม่กี่ตัว เรียกว่า "จัดเต็ม" แบบไม่กลัวเสี่ยง..ถ้าเขามั่นใจ ปัจจุบันเขาถือหุ้นเพียงแค่ 2 ตัว โดยหุ้นตัวแรกถือ 90% ของพอร์ต อีกตัวถือ 10% ของพอร์ต "ผมลงทุนไม่เหมือนคนอื่นเป็นคนซื้อหุ้นยากมาก ในรอบ 10 กว่าปีมานี้ถือหุ้นไม่กี่ตัว คนอื่นเขาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแต่ผมจะถือหุ้นไปจนกว่าจะถึงเกณฑ์ที่ตั้งเอาไว้ ในอดีตเคยถือหุ้นมากที่สุดแค่ 4 หุ้น ผมมันพวก “สเปกเยอะ” ถ้ามั่นใจตัวไหนผม “จัดเต็ม” อย่างตอนนี้มีหุ้นอยู่ในมือแค่ 2 ตัว ใครเป็นมาร์เก็ตติ้งผมไม่ค่อยได้ค่าคอมมิชชั่นเท่าไร" แม้ฉัตรชัยจะไม่ยอมเปิดเผยรายชื่อหุ้นที่ซื้อ แต่จากการตรวจสอบ พบชื่อ มยุรี วงแก้วเจริญ ภรรยาของ ฉัตรชัย ถือหุ้น ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) 6,801,000 หุ้น สัดส่วน 2.52% และหุ้น แมนดารินโฮเต็ล (MANRIN) จำนวน 500,000 หุ้น สัดส่วน 1.86% ปัจจุบันมีมูลค่ารวมประมาณ 130 ล้านบาท 

18 ตุลาคม 2555

แรงบันดาลใจจากเทรดเดอร์ค่าเงิน "Effi Lang"

วันนี้จะขอพูดถึงอาชีพเทรดเดอร์อิสระต่อจากบทความก่อนหน้า("เทรดเดอร์อิสระกับชีวิตที่ไม่ง่าย") แต่คราวนี้ขอพูดถึงเทรดเดอร์ค่าเงินโดยเฉพาะ (Forex Trader) เพราะปัจจุบัน กระแสการทำเงินผ่านอินเตอร์เน็ต การเทรดผ่านออนไลน์ โดยเฉพาะข้อดีของตลาดนี้ที่สามารถซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง เล่นได้ทั้งขาขึ้นและขาลงโดยไม่มีข้อจำกัด ใช้เงินลงทุนน้อย leverage ได้มาก ทำให้นักลงทุนรายย่อยเริ่มหันมาให้ความนิยมมากขึ้น ประกอบกับในบางจังหวะตลาดหุ้นมีอาการหมีตะครุบ รายย่อยจึงหันไปเทรดค่าเงินกันแทน

สำหรับในเมืองไทย การเทรดค่าเงินเริ่มเป็นที่สนใจอย่างแพร่หลาย แม้ว่ากฎหมายบ้านเรายังไม่ได้ให้การรับรองก็ตาม แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับรายย่อย เพราะโลกปัจจุบันเป็นโลกไร้พรมแดนที่เชื่อมต่อกันด้วยอินเตอร์เน็ต ดังนั้น การเปิดบัญชี รวมถึงการโอนเงินต่างๆ จึงดูสะดวกสบายไปหมด (ไม่เชื่อลอง search ใน google ดู แล้วคุณจะรู้ว่ามันง่ายจริงๆ) ทำให้การเทรดค่าเงินกลายเป็นทางเลือกใหม่ของผู้ที่ต้องการเรียนรู้โลกของการเทรด (แต่มากกว่าร้อยละ 90 หมดตัว เพราะตลาดค่าเงินได้ชื่อว่าใหญ่และโหดที่สุด!!!!!)

11 ตุลาคม 2555

'ธวัชชัย เลิศรุ่งเรือง' เซียนหุ้นผู้วางเดิมในหุ้นไม่เกิน 5 ตัว

เขาเป็นผู้หนึ่งที่เคยเจ๊งหุ้น 'ฟินวัน' ของ ปิ่น จักกะพาก วันนี้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากคนหนึ่งในกลุ่ม 'วีไอ' ธวัชชัย เลิศรุ่งเรือง วางเดิมพันหนักในหุ้นไม่เกิน 5 ตัว 


เขาไม่เชื่อในเรื่องการกระจายความเสี่ยง เท่าไรนัก เฉกเช่นเดียวกับวอรเรน บัฟเฟต ที่เคยกล่าว่ว่า "การกระจายการลงทุนเป็นการป้องกันความเสี่ยงสำหรับคนที่ปล่อยปละละเลย แต่ไม่ได้มีความจำเป็นอะไรเลยสำหรับคนที่รู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่"

"เอก" ธวัชชัย เลิศรุ่งเรือง ไม่เพียงเป็นนักธุรกิจเจ้าของ 3 บริษัท ทำธุรกิจด้านโบรกเกอร์ประกันภัย โบรกเกอร์ประกันชีวิต และขายสินค้าทางโทรศัพท์ มีพนักงานในเครือประมาณ 350 คน เขายังเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากคนหนึ่งในกลุ่มวีไอ มีพอร์ตลงทุนใหญ่หลักร้อยล้านบาท

ธวัชชัย เล่าว่า ทุกวันนี้จะพยายามถือไม่ให้เกิน 5 ตัว กลุ่มหุ้นที่ชอบมากที่สุดคือ "กลุ่มสื่อสาร" ยิ่งมองข้ามไปในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ผลประกอบการค่อนข้างโดดเด่นหากประมูล 3G ได้กลุ่มสื่อสารน่าจะมีอัตราเติบโตต่อปีสูงมาก อีกทั้งจากสัญญา "สัมปทาน" จะเปลี่ยนเป็น "ใบอนุญาต" ผลตอบแทนที่จ่ายให้รัฐจะลดลงเยอะมาก สำหรับบริษัทที่จะได้ประโยชน์สูงสุดก็ต้องเป็นบริษัทที่มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ มีจุดเด่นในเรื่องฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ซึ่งไม่ขอเอ่ยชื่อว่าเป็นหุ้นตัวไหน

Joe Chalhoub เทรดเดอร์ค่าเงินผู้ไม่ยอมแพ้

Joe Chalhoub เป็นวิศวกรคอมพิวเตอร์ในบริษัทแห่งหนึ่ง ก่อนจะหันมาเป็น forex trader เขาเริ่มเทรดค่าเงินเมื่อหลายปีก่อน โดยในช่วงสามเดือนแรก การเทรดของเขาล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เขาเล่าให้ฟังว่า "ผมยังจำได้ตอนที่ผมเสียเงินทั้งหมดของผมไป ตอนนั้นผมคิดว่าผมอยากจะเลิกเทรด แต่ว่าผมก็เลิกไม่ได้ ผมรู้สึกว่า ถ้าผมเลิกตอนนั้น มันอาจจะหมายถึงผมได้พลาดโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิตไปก็ได้ ตอนนั้นผมเลยเพียงแค่หยุดเทรดชั่วคราวไปก่อน...

หลังจากนั้นเขาได้เริ่มที่จะสังเกต ศึกษาวิเคราะห์ และฝึกฝนอย่างหนัก  "ผมเริ่มที่จะสังเกตุเฝ้าดูตลาดว่าอะไรทำให้มันเคลื่อนไหวบ้าง"  เขาเริ่มศึกษาการวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคว่าแต่ละตัวมันสามารถทำนายตลาดได้อย่างไร และเขาจะใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเองได้อย่างไร เขาอ่านหนังสือเกี่ยวกับกลยุทธ์ต่างๆ รวมถึงเทคนิคที่นักเทรดที่มีประสบความสำเร็จใช้กันเป็นอย่างไรอย่างหนัก.....

 "ผมเปิดบัญชีเดโมขึ้นมาและเทรดค่าเงินจำลองในเทคนิคต่างๆ โดยติดตามดูผลงานของมันอย่างใกล้ชิด หลังจากที่ศึกษามา 1 ปี หลังจากลองผิดลองถูกอยู่นานนับปี กับความล้มเหลวในการเทรดที่นับครั้งไม่ถ้วน ผมก็ได้เข้าใจถึงวิถีแห่งกลยุทธ์ของผมเองและเริ่มที่จะทำกำไรได้ในแต่ละเดือน"

9 สิงหาคม 2555

วีไอ 'อนุรักษ์ บุญแสวง' จากทุน 8 แสน สู่หลัก 'ร้อยล้าน'

กำไรทบต้น สิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก 'โจ' อนุรักษ์ บุญแสวง ผู้เดินตามแนวคิด 'อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์' วันนี้เขามีพอร์ตเลข 9 หลัก

ใครคนหนึ่งเอ่ยถาม อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ว่า "ท่านครับ! ท่านคิดว่าอะไรคือประดิษฐกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติครับ" อัจฉริยะผมยุ่งผู้มีชีวิตอยู่ในช่วงปี 1879-1955 ตอบว่า ก็ดอกเบี้ยทบต้นไง!!! เจ้าของชื่อล็อกอิน “ลูกอีสาน” ในเว็บไซต์ Thaivi "โจ" อนุรักษ์ บุญแสวง วันนี้พอร์ตเขาแตะเลข 9 หลัก เพราะเดินตามทฤษฎี “กำไรทบต้น” สิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของไอน์สไตน์

โจเป็นนักลงทุนวีไอที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขามีแฟนคลับคอยติดตามผลงานการลงทุนอย่างใกล้ชิดและเป็นหนึ่งในกรรมการสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) โจและเพื่อน 2-3 คน ที่เป็นนักลงทุนแนว VI เหมือนกันลงทุนอยู่ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ทุกไตรมาสพวกเขาจะจัดสัมมนาคุยกับแฟนๆ ประมาณ 50 ที่นั่ง ที่ร้านอาหาร สมิหลาซีสปอร์ต ในอำเภอหาดใหญ่

8 สิงหาคม 2555

Nial Fuller เทรดเดอร์ค่าเงินสไตล์ Price action

Nial Fuller คือเทรดเดอร์อิสระที่เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะเทรดเดอร์ค่าเงินสไตล์ price action ที่พยายามเผยแพร่แนวคิดและวิธีการในการทำกำไรของเขาผ่านเว็บไซต์ส่วนตัว ด้วยแนวคิดที่เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน บวกกับความสามารถในการถ่ายทอดที่ทำให้มือใหม่ทั้งหลายสามารถเรียนรู้ได้ ทำให้เขาเป็นอาจารย์สอนเทรดค่าเงินที่มีผู้ติดตามมากที่สุดคนนึง ในแต่ละปีจะมีผู้ติดตามอ่าน website ของเขามากกว่า 500,000 คน 

เทคนิคการเทรดค่าเงินของ Nial นั้นจะใช้สไตล์ price action เท่านั้น เขาจะไม่สนใจอินดิเคเตอร์ โดยหลักการของเขาคือเขาจะพิจารณาว่าราคาได้ "กระทำต่อ" แนวรับแนวต้านอย่างไร รวมถึงการดูรูปแบบการฟอร์มตัวของแท่งเทียน เพื่อหาจังหวะเข้า order เขาอธิบายว่า กราฟที่ดูสับสนวุ่นวายด้วย indy เต็มหน้าจอ นอกจากจะทำให้คุณเครียดเพราะเข้าใจมันยากแล้ว คุณยังต้องปวดหัวกับการตีความมันด้วย สุดท้ายคุณคงต้องสับสนในตัวเองแน่ๆ เขาบอกว่าทำไมคุณไม่ทำให้มันง่ายกว่านั้นล่ะ ในเมื่อกราฟเปล่าๆ ก็สามารถช่วยให้คุณหาแนวโน้มและทิศทาง รวมถึงหาจังหวะเข้าเทรดได้เหมือนกัน

7 สิงหาคม 2555

'ปณต จิตต์การุญ' เทรดเดอร์หนุ่มไร้ปริญญา ตอน 2

เทรดเดอร์หนุ่มไร้ใบปริญญาวัย 31 ปี เคยสร้าง ผลงานบริหารพอร์ตเอาชนะ 'วิกฤติซับไพร์ม' มาแล้ว!  เขาไม่ต่างจาก 'แจ็คผู้ฆ่ายักษ์' ผู้คิดค้นวิธีการเทรดด้วยสูตรเฉพาะตัว

ผู้ก่อตั้ง Mudley Group “ต้าน” ปณต จิตต์การุญ หนุ่มวัย 31 ปีที่เรียนไม่จบแม้ปริญญาตรี "วิศวะฯลาดกระบัง" ยอมทิ้งอนาคต "วิศวกร" ขณะเรียนชั้นปีที่ 4 ลาออกกลางคันบินไปฝึกฝนวิธีการเทรดที่สหรัฐอเมริกา ไม่มีใครหยุดความฝันของเขาได้!!!

ตอนที่แล้ว ได้ปูพื้นที่มาที่ไปของเด็กหนุ่มผู้นี้ไปบ้างแล้ว ในวัยเด็กเขาเป็น "เซียนหมากรุก" ที่พ่อพาตะเวนไปล่ารางวัล ตอนเรียนมหาวิทยาลัยเคยชนะเลิศการแข่งขัน University Stock Competition (ปี 2002) ของตลาดหลักทรัพย์ ต่อมามีนักลงทุนต่างชาติเห็นแววชักชวนไปฝึกวิชา "เทรดเดอร์" ที่อเมริกา เคยร่วมงานกับกองทุน Altera Partners Management ปัจจุบันอยู่ระหว่างจัดตั้งกองทุนบริหารความเสี่ยง (เฮดจ์ฟันด์) จดทะเบียนที่เกาะเคย์แมน ผลงานที่สร้างความภาคภูมิใจให้เด็กหนุ่มคนนี้มากที่สุดก็คือ บริหารพอร์ตให้มีกำไรท่ามกลางวิกฤติซับไพร์มช่วงปี 2551

31 กรกฎาคม 2555

'ปณต จิตต์การุญ' เทรดเดอร์หนุ่มไร้ปริญญา ตอน 1

เปิดตัว 'ปณต จิตต์การุญ' เทรดเดอร์หนุ่มวัย 31 ปี คนไทยผู้หาญกล้าตั้ง 'เฮดจ์ฟันด์' ลงทุนทั่วโลก ทิ้งใบปริญญา ค้นหาความฝันที่ยิ่งใหญ่

"ต้าน" ปณต จิตต์การุญ เทรดเดอร์หนุ่มวัย 31 ปี ร่วมกับ ณสุ จันทร์สม อดีตผู้จัดการกองทุนชื่อดัง อยู่ระหว่างจัดตั้ง "เฮดจ์ฟันด์" จดทะเบียนที่ "เกาะเคย์แมน" ซึ่งเป็น "ธุรกิจต้องห้าม" ที่ ก.ล.ต.ไทยยังไม่อนุญาต เนื้อหาชีวิตของเด็กหนุ่มผู้นี้นับว่าน่าสนใจ และพลาดไม่ได้ที่จะติดตาม

ทีมข่าว "บิซวีค" มีนัดหมายกับเทรดเดอร์หนุ่มที่ออฟฟิศย่านถนนสุขุมวิท โดยมี ณสุ จันทร์สม อดีตผู้จัดการกองทุนชื่อดัง ที่ปัจจุบันผันตัวเองมาเป็นเจ้าของบริษัทจัดการลงทุน Tranquility Asset Management ที่สิงคโปร์ ร่วมวงสนทนาอยู่ด้วย

“เรากำลังจะจัดตั้งกองทุนในต่างประเทศแต่กำลังหาทางนำมาเสนอให้นักลงทุนไทยด้วย จะเรียกว่าเป็นเฮดจ์ฟันด์หรืออะไรก็แล้วแต่จะเรียกกัน” ณสุ เริ่มต้นขึ้น

29 กรกฎาคม 2555

ข้อมูลสำหรับผู้เริ่มต้นเทรด forex

หลังจากได้เริ่มเขียนบทความเกี่ยวกับเทรดเดอร์ค่าเงินมาไม่นาน ปรากฎว่ามีนักลงทุนหน้าเก่าในตลาดหุ้นไทย รวมถึงฟิวเจอร์ แต่เป็นหน้าใหม่ในตลาด forex ให้ความสนใจที่จะศึกษาการเก็งกำไรในตลาด forex รวมถึงผู้ที่ต้องการจะเป็น freedom trader กันหลายท่าน โดยได้ส่งเมล์เข้ามาถามถึงข้อมูลเกี่ยวกับตลาดที่กว้างใหญ่แห่งนี้ วันนี้เลยถือโอกาส สรุปข้อมูลเบื้องต้นให้เทรดเดอร์ค่าเงินมือใหม่ได้เข้าใจภาพรวมกันสักเล็กน้อย ^^




ฟอเร็กซ์ (Forex) คืออะไร
Forex (Foreign Exchange Market) หรือเรียกสั้นๆว่า FX เป็นตลาดในการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินต่างๆ ซึ่ง Forex เป็นตลาดที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลกกว่า 4 แสนล้านเหรียญสหรัฐต่อวันซึ่งมากกว่าตลาดหุ้นทั้งโลกมารวมกัน ตลาด Forex เปิดทำการตั้งแต่วันจันทร์ถึงศุกร์ตลอด 24 ชั่วโมงและหยุดการซื้อขายในวันเสาร์อาทิตย์ ตลาดใหญ่ๆของโลกจะมีอยู่ 3 แห่งก็คือ ตลาดโตเกียว ตลาดลอนดอน และตลาดนิวยอร์ค ซึ่งเวลาทำการเมื่อเทียบกับเวลาประเทศไทยก็จะเป็นดังนี้ (ถ้าอยู่ในช่วงฤดูหนาวก็ให้เพิ่มอีก 1 ชั่วโมง)

20 กรกฎาคม 2555

ข้อผิดพลาด 10 ประการของนักลงทุนในตลาดฟิวเจอร์

ตลาดอนุพันธ์หรือตลาดซื้อขายล่วงหน้า (Future) เป็นตลาดทุนที่เริ่มมีบทบาทมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงการตื่นตัวของนักลงทุนในประเทศไทย นอกจากนี้ทางตลาดหลักทรัพย์ยังพยายามผลักดันให้ตลาดแห่งนี้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยพยายามมุ่งเน้นการออกผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ทองคำ โลหะเงิน น้ำมัน หรือล่าสุดอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งแม้ยังไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควรเหมือนในต่างประเทศ แต่ยังไงก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

อย่างไรก็ตาม แม้จะพยายามผลักดันให้ตลาดเติบโตมากแค่ไหน แต่สัดส่วนนักลงทุนที่สามารถทำกำไรได้กลับไม่ได้เติบโตตาม และต้องยอมรับความจริงที่ว่า นักเก็งกำไรในตลาดในตลาดฟิวเจอร์ ส่วนใหญ่มากกว่า 80% จะเป็นผู้ขาดทุน และมีเพียง 20% เท่านั้นที่กำไรและเสมอตัวอยู่ในตลาด

Rodrigo Villela เทรดเดอร์ค่าเงินชาวเม็กซิโก

Rodrigo Villela นักธุรกิจชาวเม็กซิโก เขาเริ่มต้นเข้าสู่วงการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนด้วยเหตุผลทางธุรกิจ เนื่องจากบริษัทของเขาเป็นธุรกิจนำเข้าส่งออกระหว่างประเทศ ทำให้มีรายรับและต้นทุนเป็นสกุลเงินต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง ทำให้เขาจำเป็นต้องใช้การซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าเพื่อกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนที่เหมาะสมไว้ก่อน เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงิน (Hedging) ซึ่งจะมีผลต่อกำไรขาดทุนของบริษัทเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

หลังจาก Rodrigo ศึกษาตลาดอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ไม่นาน เขาได้เริ่มเห็นโอกาสทำเงินในตลาดแห่งนี้ในฐานะตลาดแห่งการเก็งกำไรมากขึ้น และเนื่องจากเขาเคยเก็งกำไรในตลาดหุ้นและฟิวเจอร์มาก่อนทำให้เขาสามารถมองเห็นอะไรบางอย่างในตลาดแห่งนี้ที่ตลาดหุ้นไม่มี ด้วยเหตุนี้เขาจึงตัดสินใจย้ายเข้าสู่การเก็งกำไรในตลาดค่าเงินอย่างจริงจัง เขาให้เหตุผลไว้หลายประการถึงความน่าสนใจในตลาดค่าเงิน

18 กรกฎาคม 2555

5 Level ในการเป็นเทรดเดอร์ค่าเงิน

ท่ามกลางโลกการเงินที่ไร้พรมแดน แม้ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายรองรับการเทรดค่าเงินเฉกเช่นเดียวกับในต่างประเทศ แต่กลับพบว่าประชากรของเทรดเดอร์ค่าเงินในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอบสนองต่อแนวคิดเรื่อง freedom life freedom trader ที่เริ่มเป็นที่สนใจในประเทศไทยอย่างกว้างขวาง การเทรดเพื่อหาเลี้ยงชีพ หรือ trading for a living เริ่มซึมเข้าสู่กระแสเลือดของคนรุ่นใหม่ เนื่องด้วยข้อจำกัดของตลาดหุ้นในเมืองไทย ทั้งในแง่สภาพคล่อง platform หรือเครื่องมือที่ใช้ดูกราฟ รวมถึงการเล่นหุ้นในขาลงที่ไม่ยืดหยุ่นเนื่องจากมีต้นทุนในการ short sell ตลอดจนเงินทุนของมือใหม่ ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้เทรดเดอร์รุ่นใหม่เริ่มหันเข้าสู่ตลาดค่าเงินหรือ forex market ตลาดที่เซียนหลายคนต่างยอมรับว่าเป็นตลาดที่โหดที่สุด แต่ด้วยข้อดีในแง่ความยืดหยุ่นในการเทรด ความสามารถในการ leverage และ platform ที่พร้อมด้วยเครื่องมือที่สุดยอด รวมถึงช่วงเวลาในการเทรดที่ไม่เคยหมดเพราะเทรดได้ 24 ชั่วโมงทำให้เทรดเดอร์หน้าใหม่หลายต่อหลายคนก้าวเท้าเข้าสู่วงการ forex ด้วยความหวังที่จะร่ำรวยเหมือนเทรดเดอร์รุ่นพี่!!!!!

5 กรกฎาคม 2555

8 สุดยอดหนังสือที่นักลงทุน...ต้องอ่าน!!!!!

วอร์เรน บัฟเฟตต์ เคยกล่าวถึง “การอ่าน” ว่าสำหรับเขาแล้วมันคือเป็นอาวุธในการลงทุน นอกจากนี้ บัฟเฟตต์ยังกล่าวว่า “If I’m interested company, I’ll buy 100 shares of all its competitors to get their annual reports.” ซึ่งแปลว่า “ถ้าผมสนใจบริษัทไหน.. ผมจะไปซื้อหุ้นคู่แข่งของบริษัทนั้นๆ เพื่อที่จะได้รายงานประจำปีของบรรดาบริษัทคู่แข่งมาอ่าน” ดังนั้น การจะเป็นนักลงทุนที่ดีได้..คุณคงต้องพยายามอ่านให้มากขึ้นซะแล้ว!!!!

และหากคุณเป็นนักลงทุนอยู่แล้ว..หรือคิดที่จะเริ่มต้นเป็นนักลงทุนในตลาดหุ้นโดยเฉพาะผู้ที่สนใจในแนวทางการลงทุนสไตล์เน้นหุ้นคุณค่า คุณก็ไม่ควรพลาดอ่านหนังสือทั้ง 8 เล่มที่บรรดานักวิจารณ์ทั้งไทยเทศหลายท่านได้ให้ความเห็นว่าเป็นหนังสือที่นักลงทุน..ต้องอ่าน โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. “Security Analysis” (1934) โดย Benjamin Graham และ David Dodd



หนังสือเล่มนี้ถือได้ว่าเป็นหนังสืออมตะของบรรดานักลงทุนทั่วโลก และยังถือได้ว่าเป็นคัมภีร์ไบเบิลสำหรับวงการนักลงทุน ซึ่งเขียนโดยกูรูการลงทุนทั้งสองท่าน Benjamin Graham เป็นนักลงทุนและเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่ Columbia University และเป็นอาจารย์ของ Warren Buffett ด้วย ส่วน David Dodd ก็เป็นอาจารย์และเพื่อนร่วมงานของ Graham โดยหนังสือได้ให้ความคิดที่ว่านักลงทุนตัวจริงจะต้องมีสัญชาตญาณของ “นักสืบ” มากกว่า “นักสถิติ” หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นเพื่อช่วยแนะนำแนวทางในการลงทุน หลังจากเกิดมหาวิกฤติเศรษฐกิจของโลกซึ่งมีต้นเหตุมาจากการเก็งกำไรครั้งใหญ่ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก

9 มิถุนายน 2555

Review หนังสือ "บัฟเฟตต์-โซรอส ลงทุนถูกนิสัย ยังไงก็ชนะ"

ในหนังสือชื่อ The Winning Investment Habits of Warren Buffett and George Soros "บัฟเฟตต์-โซรอส ลงทุนถูกนิสัย ยังไงก็ชนะ" เขียนโดย Mark Tier และมีการเรียบเรียงเป็นภาษาไทยด้วยภาษากวนๆ เข้าใจง่าย โดยคุณชัชวนันท์ สันธิเดช และ สุภศักดิ์ จุลละศร

Mark Tier ได้นำเสนอเรื่องราวของผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในแวดวงการเงิน ผู้มีอัฉริยภาพทางการลงทุนที่ร่ำรวยที่สุดในโลกทั้ง วอรเรน บัฟเฟตต์ และจอร์จ โซรอส แม้ทั้งสองจะมีเส้นทางอาชีพที่แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน บัฟเฟตต์ชอบซื้อหุ้นและธุรกิจในราคาถูกด้วยเงินสด และชอบที่จะถือหุ้นนั้น "ชั่วนิรันดร์" ขณะที่โซรอสมีชื่อเสียงด้านการเก็งกำไรที่รวดเร็วฉับไว และใช้เงินที่กู้ยืมมาเก็งกำไรในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตรา แต่พวกเขาทั้งสองกลับมีบางสิ่งบางอย่างที่เหมือนกัน โดย Mark Tier ได้แสดงให้เห็นว่า บัฟเฟตต์และโซรอส ต่างฝึกฝน อุปนิสัยทางจิตใจและกลยุทธ์ชนิดเดียวกัน หล่อหลอมจนเป็นทัศนคติในแบบเดียวกันอย่างไม่น่าเชื่อ

30 พฤษภาคม 2555

สนามค้าหุ้นของนักเก็งกำไรรายวัน


การเก็งกำไรในตลาดหุ้นได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในปัจจุบัน แต่ถ้าตลาดเปลี่ยนเป็นตลาดหมีล่ะ อะไรจะเกิดขึ้นกับผู้ที่เข้ามาดำรงชีพในฐานะเทรดเดอร์ฟูลไทม์ ? นั่นเป็นปัญหาของพวกที่คิดว่าตลาดหุ้นสามารถทำเงินได้เฉพาะในตลาดกระทิงเท่านั้น พวกเขาไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว ตราบใดที่ตลาดยังมีแรงขับเคลื่อนอยู่ไม่ว่าจะขึ้นหรือลง นักเก็งกำไรในตลาดนี้ก็ยังสามารถทำเงินได้จากมันได้ !!!!!

ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้ไม่เพียงแต่เฉพาะนักลงทุนที่เฝ้าหน้าจออยู่ที่ห้องค้าเท่านั้นที่สามารถเล่นเก็งกำไรหุ้นรายวันได้ แต่นักลงทุนที่อยู่ที่บ้าน หรือที่ทำงาน หรือแม้กระทั่งห้างสรรพสินค้าก็สามารถทำได้เช่นเดียวกันผ่านคอมพิวเตอร์ notebook tablet ไปจนถึง smart phone เพียงแค่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต เปิดโปรแกรมซื้อขาย realtime ก็สามารถเข้าสู่สนามแข่งขันการค้าหุ้น เพื่อต่อสู้แย่งชิงผลกำไรจากกันได้อย่างง่ายดาย

28 พฤษภาคม 2555

Mark Douglas ทัศนคติแห่งการเก็งกำไร

Mark Douglas เซียนหุ้นที่เป็นที่ยอมรับกันว่า เขามีความชำนาญ และแนวคิดที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับแง่มุมทางด้านจิตวิทยาการลงทุนเป็นอย่างสูง ในระดับต้นๆของโลก โดยเขาได้เคยเขียนหนังสือหุ้นไว้สองเล่มที่โด่งดังมาก และถือเป็น Must Read! เลยทีเดียวนั่นก็คือ The Discipline Trader และ Trading in The Zone

Douglas เริ่มต้นการเก็งกำไรในตลาด Future ในปี 1978 โดยขณะนั้น เขาทำงานเป็นผู้บริหารของบริษัทแห่งหนึ่ง จนเมื่อมีโบรกเกอร์โทรมาชักชวนให้เขาลงทุน เขาจึงเริ่มเข้าสู่เส้นทางการเก็งกำไรในทองคำ และหลังจากนั้นมา เขาก็หลงใหลในการเก็งกำไรเป็นอย่างมาก เขาตัดสินใจลาออกจากงานผู้บริหาร และสมัครเข้าทำงานใน Merrill Lynch ด้วยการเป็นโบรกเกอร์แทน!!!!

ภายใน 9 เดือน Douglas ก็หมดตัว!!! เขาสูญเสียเงินสะสมทั้งหมดที่มีไปกับการเก็งกำไร แต่นั่นกลับกลายเป็นพลังให้เขาลุกขึ้นต่อสู้ และก้าวเดินต่อไปในเส้นทางที่เขาเลือก เพราะอย่างน้อยเขาได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากการสูญเสียที่เกิดขึ้น ซึ่งก็คือ เขาเรียนรู้ว่าแท้จริงแล้วการเก็งกำไรนั้น มันคือการต่อสู้กับจิตใจของเราเอง โดยมุมมอง และทัศนคติของเขานั้น มีส่วนสำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใดในการเก็งกำไร และนั่นทำให้เขาเชื่อว่าสิ่งที่เขาคิด คือสิ่งที่สำคัญมาก และนั่นทำให้หลังจากนั้น เขาเริ่มเขียนบันทึกประจำวันอย่างละเอียด

21 พฤษภาคม 2555

จอห์น เทมเปิลตัน นักล่าของถูกระดับโลก

จอห์น เทมเปิลตัน (เสียชีวิตแล้วในปี 2008) เขาเกิดในครอบครัวที่ยากจน การลงทุนครั้งแรกของเราเริ่มต้นจากเงินที่ยืมจากเจ้านายจำนวน 10,000 ดอลล่าร์ โดยเขานำเงินจำนวนนั้นไปซื้อหุ้นจำนวน 104 บริษัท ระหว่างที่สงครามกำลังรุนแรง และขายออกหลังสงครามเลิก เงินจำนวนนั้นกลายเป็นเงิน 40,000 ดอลล่าภายในเวลา 4 ปี คิดเป็นผลตอบแทน 41.40% ต่อปี

โดยหลังจากทำงานแรกที่เมอร์ริล ลินซ์ ได้ไม่นาน เขาก็ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาการลงทุนของเขาเอง และเมื่ออายุได้ 56 ปีเขาได้ขายมันไปและเริ่มต้นก่อตั้งกองทุนขี้น ชื่อว่า Templeton Growth กองทุนนี้สามารถสร้างผลดการดำเนินงานได้สูงติดอันดับต้นๆ ตลอดระยะเวลา 20 ปี ทีเดียว โดยหลายคนกล่าวว่าความสำเร็จของเขานี้เกิดจากการที่เขาสามารถมองเห็นโอกาสในการลงทุนก่อนใคร โดยอาจเป็นได้ว่าความสำเร็จที่สำคัญของเขาเกิดจากการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นในช่วงปี1962 ซึ่งเป็นตอนที่ญี่ปุ่นเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในฐานะผู้ผลิตสินค้าคุณภาพต่ำราคาถูก ทำให้ราคาหุ้นของญี่ปุ่นไม่ได้รับความสนใจและมีราคาต่ำมาก เขาเข้าไปกวาดหุ้นจำนวนมาก อาทิ ฮิตาชิ นิสสัน ซูมิโตโม ฯลฯ จนกองทุนของเค้ามากกว่า 50% เป็นหุ้นถูกๆ แบบว่าเมดอินเจแปน และหลังจากนั้น โตเกียวก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศโตเร็วและตลาดหุ้นโตเกียวก็เป็นขาขึ้นไปจนถึงปี 1989!!!!!

13 พฤษภาคม 2555

คุณสมบัติเซียน

เชื่อว่าในหมู่นักลงทุน จะมีคำถามหนึ่งที่อยู่ในใจของหลายๆคน คำถามนั้นคือ คนที่สามารถทำกำไรในตลาดหุ้นได้เป็นกอบเป็นกำหรือที่เค้าเรียกว่าเซียนหุ้น จะต้องมีคุณสมบัติที่แตกต่างไปจากนักลงทุนรายอื่นยังไง และเราสามารถจะประสบความสำเร็จแบบเขาได้หรือไม่ คำถามนี้ได้มีผู้ที่ทำการศึกษาอย่างจริงจัง โดย Dr. Van K. Tharp จาก มหาวิทยาลัย Oklahoma ผู้มีผลงานด้านงานวิจัย บทความ หนังสือ เป็นวิทยากรรับเชิญในรายการด้านการเงิน และเปิดคลินิกให้คำปรึกษา แก่ trader ต่างๆ ในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

ในปี 1982 Dr.Tharp ได้ทำการศึกษานักลงทุน และนักเก็งกำไรนับพันๆคน เพื่อที่จะหาคุณลักษณะ รวมถึงทัศนคติและความเชื่อของผู้ที่ล้มเหลว และผู้ที่ประสบความสำเร็จทั้งในตลาดหลักทรัพย์ และตลาดcommodities ผลการศึกษาพบว่าคุณสมบัติของนักลงทุนที่ขาดทุน ส่วนใหญ่คือจะเป็นผู้ที่มีความเครียดสูง มองโลกในแง่ลบ และมักโยนความผิดพลาดของตนให้กับคนอื่นหรือสิ่งอื่นๆ และเป็นนักลงทุนที่ชอบตามแห่ และไม่มีความอดทน

28 เมษายน 2555

ลอกคราบขบวนการปั่นหุ้น!!!!!

ตลาดหุ้นกับการเก็งกำไรเป็นของคู่กัน ซึ่งแรงเก็งกำไรในบางครั้งอาจก้าวล่วงไปสู่การ(สร้าง) ปั่นราคาหุ้น เพราะหลายครั้งพบว่าแรงเก็งกำไรที่เกิดขึ้นเกิดจากการวางแผนหรือทำข้อตกลงร่วมกันของกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ไม่กี่คน เพียงแต่กระบวนวิธีมีความแตกต่างกันไปตามโอกาสและกาลเวลา

ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน การปั่นหุ้นยังคงเกิดขึ้นตลอดเวลา หน้าเก่าไป หน้าใหม่มา ตลาดหุ้นยังคงเป็นแหล่งทำเงินให้ก๊วนปั่นหุ้นอย่างเป็นกอบเป็บกำ ก๊วนบางก๊วน ต้องนั่งคิดกันนานหลายวันทีเดียว ว่าปั่นหุ้นรอบนี้จะซื้อรถสปร์อตรุ่นไหน ยี่ห้อไหนดีน้าาาาาา - -'' จนอาจกล่าวได้ว่า ตราบใดที่ความโลภยังมีอยู่ โอกาสทำเงินของคนพวกนี้ก็จะไม่หมดไป และแน่นอน ว่ามันไม่มีทางหมด เมื่อมนุษย์กับความโลภเป็นของคู่กัน!!!!

27 เมษายน 2555

“ไฮ้ ส้มตำคอนแวนต์” จากหลักแสนเป็นร้อยล้าน !!!!

นายธนกฤต เลิศผาติ หรือ “ไฮ้” เจ้าของร้าน “ไฮ้ ส้มตำคอนแวนต์” วัย 40 ปี เปิดเผยว่า ได้นำกำไร 1 แสนบาท จากการขายส้มตำมาเป็นทุนประเดิมในการซื้อขายหุ้นเมื่อปี 2542 ช่วงที่ตลาดหุ้นยังไม่ฟื้นจากวิกฤตสถาบันการเงินปี 2540 ช่วงนั้นดัชนีอยู่ที่ 300 จุดเท่านั้น ทำให้ตนร่ำรวยขึ้นมา หากตลาดหุ้นดีๆ จะซื้อขายวันละ 30-40 ล้านบาท หรือเดือนละหลายร้อยล้านบาท ไปถึงหลักพันล้านบาทในปัจจุบัน

นายธนกฤต กล่าวว่า เขาชอบเข้าซื้อขายหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี โดยมีนายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล หรือเสี่ยปู่ เป็นแบบอย่างและปรับสไตล์ให้เข้ากับตัวเอง จน ร่ำรวย โดยช่วงเริ่มแรกก็ลองผิดลองถูกเช่นเดียวกับนักลงทุนทั่วไป แต่เมื่อลงทุนได้ระยะหนึ่งจึงปรับมา ลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดี แต่จะไม่เล่นหุ้นตามข่าวลือ

26 เมษายน 2555

"มาม่าบลู" (เจ๊สีฟ้า) นักเก็งกำไรหุ้นตัวยง

มาม่าบลู หรือ มาดามบลู หรือ เจ๊สีฟ้า ที่ใครๆรู้จักกัน และโด่งดังมากเมื่อหลายปีก่อน เป็นเซียนหุ้นรายใหญ่ระดับประเทศที่มีสไตล์การเข้าออกแบบ aggressive และ โครมครามเสมอ ถ้าเธอเข้าตัวไหน เราๆท่านๆ จะซื้อไม่ค่อยทัน ส่วนคนที่ซื้อทัน จะได้รับกำไรมหาศาลภายในวันเดียว ขณะเดียวกัน เวลาที่เธอขาย เธอไม่ได้สั่งให้วางขายที่ราคาเท่านั้นเท่านี้ เธอสั่งขายเป็นจำนวน "ขายไปก่อน 5 ล้านหุ้น" ซึ่งหมายถึง ต้องขายทันที 5 ล้านหุ้น โดยจะขายไปที่ราคาเท่าไหร่ก็ได้ ...... คงเคยเห็นมาบ้างแล้วนะ ไอ้ประเภทที่ ซื้อทีเดียว 3 ช่องราคา หรือ ขายลงมาทีเดียว 3 ช่องราคาน่ะ นี่แหละเจ๊แกล่ะ !!!

ศรีฟ้า แจ่มวุฒิปรีชา หรือ มาม่าบลู จบการศึกษาทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมเคมี จากรั้วจามจุรี (CT19 ปี 2518) และก็มาคว้าปริญญาโท (เอ็มบีเอ) จากสถาบันพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) จากปากของมาม่าบลูเธอเล่าว่า ได้ยึดอาชีพเล่นหุ้นมาเกือบ 20 กว่าปีแล้ว ขณะที่ไม่ได้บอกว่าปัจจุบันมีพอร์ตลงทุนเท่าไหร่ แต่ในแวดวงนักลงทุนว่ากันว่า พอร์ตเธอมีระดับพันล้าน!

25 เมษายน 2555

ซื้อหุ้นตอนไหนดี $ $ ฉบับบัฟเฟตต์


ครั้งหนึ่ง เซอร์ไอแซค นิวตัน เคยพูดไว้ว่า "ผมสามารถคำนวณการเคลื่อนที่ของท้องฟ้าได้ แต่ผมไม่สามารถคำนวณความบ้าคลั่งของมนุษย์ได้"

อะไรจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้? ตลาดจะขึ้น จะลง หรือจะทรงตัว? สำหรับบัฟเฟตต์ คำถามเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่น่าสนใจ ยกเว้นว่ามันจะเป็น "โรคติดต่อร้ายแรง" ของความกลัวและความโลภ จนมีผลกระทบต่อโอกาสในการลงทุนของเขา ไม่ว่าจะเป็นการตกลงของราคาแล้วสร้างโอกาสในการซื้อ (ตลาดมีความกลัวเกิดขึ้น) หรือการเพิ่มขึ้นของราคาแล้วโอกาสในการซื้อหมดไป (ตลาดมีความโลภเกิดขึ้น) บัฟเฟตต์เตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนไหวเมื่อเขามีโอกาส และถ้าความโลภเข้าครอบงำเขาก็พร้อมที่จะรออยู่ข้างสนาม !!!!!

ตลาดหุ้นจะได้รับอิทธิพลจากโรคระบาดร้ายแรงที่เกิดขึ้นจากอารมณ์ของความโลภและความกลัวเป็นระยะระยะ และบัฟเฟตต์ ก็มักจะออกมาต่อต้านการระบาดของโรคติดต่อทางอารมณ์อยู่บ่อยครั้งโดยการประพฤติตัวในทางตรงกันข้ามกับความรู้สึกของคนส่วนใหญ่

21 เมษายน 2555

Review หนังสือ "ไขรหัสลับขุมทรัพย์เงินล้าน"

วันนี้ขอนำเสนอหนังสือจากค่าย Stock2morrow ที่เพิ่งวางแผนสดๆ ร้อนๆ มาให้ได้เชยชมกัน ต้องขออกตัวก่อนเลยว่า โดยส่วนตัวชื่นชอบหนังสือของค่ายน้องใหม่นี้มาก ทั้งในส่วนของตัวหนังสือที่มีเนื้อหาไปในเชิงสะท้อนมุมมองนักลงทุน ให้ผู้อ่านได้เห็นภาพตลาดหุ้นในรูปของตัวหนังสือเพื่อให้เราสามารถมอทะลุถึงหลักการลงทุนที่จะทำให้เราเป็นผู้ชนะในตลาดหุ้นแห่งนี้ได้ ด้วยภาษาที่เข้าใจง่ายออกแนวกวนนิดๆ ตลอดจนยังชื่นชอบแผนการตลาดของสำนักพิมพ์นี้ที่สามารถใช้สื่อออนไลน์มาแผ่รัศมีความนิยมในหนังสือและตัวผู้เขียนได้อย่างลงตัว ^^

สำหรับหนังสือเล่มใหม่นี้ ชื่อหนังสือว่า "ไขรหัสลับขุมทรัพย์เงินล้าน" เขียนโดยคุณสุวิจักขณ์ ศรีอารีย์ "เกมส์" นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จแม้ไม่ใหญ่โตระดับพันล้าน แต่ก็น่าทึ่งเพราะเขาเริ่มต้นจากศูนย์ จากการเป็นลูกกรรมกร จากไม่มีแม้กระทั่งเงินซื้อข้าวกิน !!!!!

เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ ค่อนข้างฉีกแนวไปจากหนังสือของสำนักพิมพ์นี้พอสมควร เพราะเดิมทีเดียวคิดว่า เนื้อหาน่าจะคล้ายๆ เดิม คือคงจะเน้นถึงหลักคิดในการลงทุน หรือหลักคิดในการทำธุรกิจ อะไรประมาณนี้ แต่ผิดคาด หนังสือเล่มนี้ มาในแนวหนังสือพัฒนาตนเอง ซึ่งแม้จะไม่ได้เป็นอย่างที่คิด แต่ก็ถือว่าเป็นหนังสือที่คิดไม่ผิดที่ซื้อมาสะสมเล่มนึงเลยทีเดียว เพราะนอกจากจะได้ idea ในการหาเงินล้านสำหรับคนไม่มีทุนเลย ยังสามารถยกระดับความพร้อมทางอารมณ์ ความคิด ให้สามารถเข้าสู่สนามรบทางการค้า การลงทุนอย่างมั่นคงด้วยการพัฒนาความแข็งแกร่งของจิตใจ  

19 เมษายน 2555

"จอร์จ ตัน"เผยเทคนิคเซียนหุ้นขาใหญ่ !!!!


รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง ก่อนจะทำศึก นอกจากคุณจะสำรวจความพร้อมของตัวเองให้ดีแล้ว คุณจะจำเป็นต้องสนใจพฤติกรรมและกลยุทธ์ของคู่ต่อสู้ ในตลาดหุ้นก็เช่นกัน คุณจำเป็นต้องเรียนรู้กลเม็ดเผด็จศึกของขาใหญ่ ที่คอยวางแผนจะกินเงินคุณทุกวินาที คุณต้องคอยเงี่ยหูฟังว่ารายใหญ่เขาคิดอะไรกันอยู่ รับรองว่าหลังจากอ่านบทความนี้แล้ว คุณจะเข้าใจหลักการของตลาดหุ้นมากขึ้น ซึ่งหวังว่าจะทำให้คุณเป็นอีกคนที่ร่ำรวยจากตลาดหุ้น.....


"จอร์จ ตัน" หรือ เอกยุทธ อัญชันบุตร เซียนหุ้นขาใหญ่ เปิดเผยว่า คนที่เล่นหุ้นระดับ 1,000 ล้านขึ้นไป มีไม่เกิน 30 คน ที่เล่นหุ้นระดับ 2,000 ล้านบาทขึ้นไปมีอยู่ 4-5 คนในตลาด

"พวกนี้จะรู้จักกันเองผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะมาชนกันในตลาด จะรู้เลยว่าซื้อขายสไตล์นี้ใครเล่น ถ้าเห็นลักษณะการขายที่รุนแรงออกมา จะรู้ได้ว่าเขาถือ "ต้นทุนต่ำ" ได้กำไรกลับออกไปเยอะ คนพวกนี้เกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนรัฐบาล"

18 เมษายน 2555

“Stop Loss” ไม่เป็น เจ๊งสถานเดียว!!!!!!

“ทุกคนที่เจ๊งหุ้นมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือ ไม่ยอม “Stop Loss” ทำให้ผมเข้าใจว่า ถ้าเราจะอยู่ในวงการนี้ได้นาน เราต้องรู้จักวิธีจำกัดความเสี่ยง” “ต้องชิงตัดขาดทุน (Cut Loss) เสียแต่เนิ่นๆ ก่อนที่ตัวเลขขาดทุนจะบานปลาย” …….. ท.พ.ยรรยง พันธุ์วงศ์กล่อม (หมอยง)- นักลงทุนรายใหญ่ของไทย

ถ้าท่านอยากเป็นนักกีฬามืออาชีพ ท่านก็ต้องเข้าหานักกีฬาทีมชาติ ถ้าท่านอยากเป็นนักกอล์ฟ ท่านก็ไม่ควรจะมาถามผม เพราะผมตีกอล์ฟไม่เป็น ถ้าท่านกำลังจะขึ้นเครื่องบิน ก็ไม่ควรชมภาพยนตร์ที่มีฉากเครื่องบินตก และถ้าท่านอยากเป็นผู้ชนะในตลาดหุ้น ก็ต้องสัมภาษณ์และเรียนรู้ถอดประสบการณ์จากเซียนหุ้นที่ประสบความสำเร็จ ใช่ไหมครับ…?

ทุกครั้งที่ผมมีโอกาสเจอเซียนหุ้น ผมจึงไม่รีรอที่จะถามท่านเหล่านั้นว่า อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในการเล่นหุ้น

14 เมษายน 2555

ร่ำรวยจากตลาดหุ้นคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

เนื่องจากความร่ำรวยจากตลาดหุ้น ถูกมองว่าเป็นการทำเงินที่ง่าย และสบายกว่าอาชีพอื่น เพราะการทำกำไรนั้น อยู่แค่เพียง ปลายคลิ๊ก ของเรา แค่กด enter ซื้อขายก็ทำเงินได้แล้ว ทำให้คนมากมายเดินเข้าสู่วงการตลาดหุ้น เพราะคิดว่ามันง่าย และเหนื่อยน้อยกว่างานใดๆ

ซึ่งแน่นอนว่า นักลงทุนเกือบทุกคน มีเป้าหมายและความกระหายที่แท้จริงเหมือนๆกัน ไม่ว่าเค้าคนนั้นจะพูดว่าต้องการมาก หรือต้องการน้อยก็ตาม เป้าหมายนั้นก็คือ เงิน ความร่ำรวย ความมั่งคั่ง อิสรภาพทางการเงิน อิสระในการใช้ชีวิต ฯลฯ

แต่เมื่อเรามาใช้ชีวิตนักลงทุนเต็มตัว หรือบางคนอาจจะกึ่งๆ นักลงทุน เพราะยังมุ่งมั่นกับการทำงานประจำอยู่ เราก็พยายามอย่างมากที่จะประสบความสำเร็จอย่างคนอื่น ซึ่งมีเรื่องราว และประวัติผู้ที่ร่ำรวยจากตลาดหุ้นมากมายให้เราได้ศึกษา เราพยายามอย่างหนักที่จะเจริญรอยตามเค้าเหล่านั้น แต่จนแล้วจนรอด เราก็ไม่เห็นจะรวยแบบเค้าเหล่านั้นเสียที

คนนึงเล่นจาก 3 แสน เป็น 30 ล้าน ในเวลา 6 ปี อีกคน จาก 2 ล้านเป็น พันล้านภายใน 10 ปี อีกคนก็ แสนเดียวเท่านั้น กลายเป็น 10 ล้านภายใน 5 ปี อะไรมันจะง่ายแบบนั้น แล้วเมื่อไหร่มันจะเป็นวันของเรานะ ??

คำถามนี้ คงยังตราตรึงอยู่ในใจของนักลงทุนทั้งรุ่นใหม่ รุ่นเก่าที่ยังไม่ประสบความสำเร็จเสมอ เพราะเรายังขยันไม่พอรึเปล่า หรือเราอ่านข่าวน้อยไป ไม่หรอก เราว่าเราก็ติดตามข้อมูลมากมายแล้วนะ งบการเงินก็วิเคราะห์ตลอด หรือเราทุนน้อยไป แล้วทำไม ทำไม เรายังไม่รวยซะที !!!!

หลังจากนั้น เราก็มักปิดท้ายความคิดด้วยประโยคเข้าข้างตัวเองต่างๆ เช่น หรือเป็นเพราะเค้าเหล่านั้นโชคช่วยดวงดีสุดๆ หรือเพราะ เค้าเป็นพวกวงในหรือพวกปั่นหุ้น หรือว่าเค้าต้องโกหกแน่ๆ เค้าไม่มีทางรวยได้ขนาดนั้นหรอก พวกนี้มันทุนหนา หรือไม่ก็ฟลุ๊คแหงๆ !!!!

คำตอบของเรื่องนี้ มันง่ายมาก ถ้าคุณได้ติดตามเรื่องราว และวิถีชีวิตของเขาในแต่ละวัน ไม่ใช่เพราะเค้าดวงดี ไม่ใช่เพราะเค้ามี inside แต่เป็นเพราะเค้าทำการบ้านอย่างหนัก และแน่นอน เขาขยันมากกว่าที่คุณคิด!!!!!!

วอรเรน บัฟเฟตต์ ตื่น 6 โมงเช้าเพื่ออ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์หลายฉบับ หลังจากนั้น เค้าจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านรายงานประจำปีของบริษัทต่างๆ ในทุกๆวัน

เจสซี่ ลิเวอร์มอร์ นักเก็งกำไรระดับตำนาน กล่าวว่า “ตลาดหุ้นคือที่ที่อันตรายมากสำหรับคนที่ไม่ชอบทำการบ้าน คนโง่ และคนที่ชอบรวยทางลัด ถ้ามีคนถามผมว่าจะทำเงินจากตลาดหุ้นได้อย่างไร มันก็คงไม่ต่างอะไรกับคนทั่วไปเดินมาถามหมอและทนายว่า ผมจะทำเงินอย่างรวดเร็วจากการผ่าตัดและการว่าความได้ยังไง มันคงดูบ้ามาก เพราะฉะนั้น สิ่งเดียวที่คุณต้องทำคืออุทิศตัวให้กับการลงทุนอย่างแท้จริง..."

และจากการติดตามเทคนิค และประวัติของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จอีกจำนวนมาก พบว่าเขาเหล่านั้นแทบทุกคนใช้เวลาเยอะมากในการศึกษา วิเคราะห์ข้อมูล งบการเงิน รวมถึงการประเมินผลประกอบการ แม้ในกลุ่มนักลงทุนแนวเทคนิคคอล ก็เช่นเดียวกัน เขาส่วนใหญ่ใช้เวลาหลังปิดตลาดไปกับการดูกราฟ ศึกษารูปแบบของกราฟหุ้นตัวต่างๆ ตลอดจนในเวลาในการติดตามข่าวสารทั้งในและต่างประเทศ อย่างหนักในทุกๆวัน เพื่อมองหาโอกาสในการทำกำไร

เห็นแบบนี้ คงไม่อาจพูดได้เต็มปากใช่ไหมว่าเขาเหล่านั้น รวยเพราะโชคช่วย ความสำเร็จที่เกิดขึ้นของพวกเขาล้วนเกิดจากการมุมานะ พยายาม และทำการศึกษาอย่างมุ่งมั่น ไม่เพียงรอคอยโอกาสเท่านั้น เขายังเตรียมตัวให้พร้อมเสมอเมื่อโอกาสมาถึง จึงไม่แปลกใจเลยว่าเขาเหล่านี้ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นได้อย่างไร

กับมาที่ตัวเรา เราคงต้องถามตัวเองว่าเราต้องการอะไรจากตลาดหุ้น ถ้าคำตอบคือ ความร่ำรวยและประสบความสำเร็จในการลงทุน คุณคงต้องถอดแบบพฤติกรรมของคนที่ประสบความสำเร็จ ศึกษา ค้นคว้าข้อมูลด้วยความอดทน มุ่งมั่นที่จะลงทุนตามแนวทางที่เราตั้งใจ ลงทุนด้วยเหตุผล อย่าลงทุนด้วยอามรณ์ แต่ถ้าคุณคิดว่า ตลาดหุ้นมันสามารถหาเงินได้ง่ายกว่าจริงๆแล้วละก็ คุณก็จงอยู่ให้ห่างตลาดหุ้นซะ เพราะเงินที่หามาได้ง่ายๆ ในโลกนี้มันไม่มีอยู่จริงหรอกกกก

By 2Binvestor

12 เมษายน 2555

รวยง่ายๆ ถ้าคุณรู้จักและเข้าใจ Mr.Market (นายตลาด)

อะไรทำให้คุณเป็นนักลงทุนที่ดี? วอรเรน บัฟเฟตต์ พูดไว้ว่า นักลงทุนที่ดี ก็คือ ใครก็ตามที่สามารถรวมเอาการเลือกธุรกิจที่ดีเข้ากับความสามารถที่จะวางเฉยต่อการแกว่งตัวอย่างรุนแรงของตลาดหุ้นได้

บัฟเฟตต์ เป็นลูกศิษย์ของ เบนจามิน เกรแฮม ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เขาเป็นนักเรียนคนเดียวที่ได้เกรด A+ ตลอดระยะเวลา 22 ปี ที่เกรแฮมสอนมา เกรแฮมได้สอนให้เขารู้จักกับแนวความคิดที่สำคัญที่สุด ซึ่งบัฟเฟตต์ยังยึดมั่นอยู่ในปัจจุบัน เรื่องแรกก็คือ แนวความคิดในการเปรียบเทียบตลาดหุ้น กับ Mr.Market และเรื่องที่สอง คือ ต้องมี Margin of Safety ในราคาหุ้นที่จะซื้อเสมอ (หุ้นที่ดี แต่มีราคาแพงเกินไป มันก็ไม่ใช่หุ้นที่ควรซื้อ)

บัฟเฟตต์พูดในงานคล้ายวันเกิดครบรอบ 100 ปี ของเกรแฮม ว่า แนวความคิดนี้ใช้ได้ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และจะยังคงเป็นแนวความคิดที่สำคัญต่อไปในอีกศตวรรษข้างหน้า

ใคร คือ Mr.Market (นายตลาด)
บัฟเฟตต์ อธิบายให้ฟังว่า Mr.Market คือหุ้นส่วนทางธุรกิจของคุณ นายตลาดเป็นคนที่มีปัญหาทางด้านอารมณ์ ซึ่งเขาจะปรากฎตัวขึ้นทุกๆวันโดยไม่เคยขาด และจะเสนอราคาขอซื้อหุ้นในส่วนของคุณ หรือ ขายหุ้นในส่วนของเขาให้กับคุณ

บัฟเฟตต์ เรียกนายตลาดว่า "คนวิกลจริต" หรืออาจเรียกได้ว่าคนที่มี "บุคลิกภาพ 2 ขั้ว" ปัญหาทางด้านจิตใจของนายตลาดนั้น ส่งผลถึงราคาหุ้นที่เขาเสนอขายด้วย ถ้าวันไหนที่เขารู้สึกอิ่มเอมใจ เขาจะมองเห็นแต่สิ่งดีๆ ในธุรกิจ และจะเสนอขายหุ้นในส่วนของเขาในราคาที่สูงมาก ที่จริงแล้ว ถ้าเขาอารมณ์ดีแบบนี้ เขาไม่ได้ต้องการจะขายหุ้นของเขาให้กับคุณหรอก เขาตั้งราคาขายแพงๆเพราะเขากลัวว่าคุณจะยอมรับราคาที่เขาเสนอและซื้อหุ้นของเขา และกลัวว่าคุณจะกวาดเอาผลประโยชน์ทั้งหมดซึ่งเขาคิดว่าควรจะเป็นของเขาไป

10 เมษายน 2555

" จิม โรเจอร์ " นักผจญภัยแห่งตลาดทุนและเซียนสินค้าโภคภัณฑ์

ถ้าเอ่ยถึงชื่อ วอเรน บัฟเฟตต์ ย่อมเป็นที่รู้จักกันดีในวงการตลาดหุ้นทั่วโลก แต่สำหรับในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ผู้ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดคนนึงในปัจุบัน คงหนีไม่พ้นบุรุษนามว่า จิม โรเจอร์ส!!!!

(เพิ่มเติม ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ คือ ตลาดสินค้าเกษตร เช่น ถั่วเหลือง น้ำตาล โกโก้ ข้าวสาลี ฯลฯ ตลาดสินค้าพลังงาน โลหะ ทองคำ นอกจากนี้โรเจอร์ยังให้ความสนใจในตลาดค่าเงิน ซึ่งถือเป็นตลาดเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก)

โรเจอร์ได้รู้จักและหลุดเข้ามาสู่โลกเเห่งการเทรดโดยบังเอิญ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ค้นพบว่าตัวเองมีความหลงไหลในการเทรดอย่างมาก จนเขาถึงกับกล่าวว่า "ตลาดหุ้นเเละตลาดการเงิน พร้อมที่จะจ่ายรางวัลตอบเเทนอย่างมหาศาลให้กับคนที่สามารถรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นบ้างในตลาด ซึ่งเขา พร้อมที่จะไขปัญหานั้นเเม้ว่าจะต้องทำงานให้เเบบฟรีๆ ก็ตาม เพราะเขาชอบความตื่นเต้นเเละความท้าทาย"

8 เมษายน 2555

ความลับของตลาดหุ้น

ความรู้สึกแรกของคนที่เพิ่งรู้จักกับตลาดหุ้น....
- โลกนี้มีงานสบายแบบนี้ด้วยหรอเนี่ย แล้วแบบนี้เราจะมานั่งทำงานประจำกันอยู่ทำไม ??
- ฮ่าๆๆ เรารวยแน่ แค่คลิก ซื้อถูกขายแพง ไม่เห็นจะยากตรงไหน ???
- จบสิ้นกันที การเป็นลูกจ้าง ชั้นจะเป็นนายตัวเอง ตื่นสิบโมง เลิกงานสี่โมงครึ่ง จะนั่งหรือจะนอนเทรดดีนะ???
- ชั้นว่าชั้นเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ งานง่ายๆ คนรักสบายอย่างเรา ถนัด !!!!!
- อิสรภาพทางการเงิน เป็นเศรษฐีวัยเยาว์ เกษียณตั้งแต่ 40 อิ อิ เราคือรายต่อไปแล้ววววว

ก็แหมลองคิดดูสิ จะมีงานอะไรในโลกนี้ ไม่ต้องเจอใคร ไม่ต้องทนกับเจ้านายขี้บ่น นั่งอยู่บ้าน ไม่ต้องอาบน้ำ นั่งๆนอนๆ ก็ทำเงินได้แล้ว แค่คิดก็ฝันหวานแล้วเรา ^^

เมื่อความหวังเริ่มเปิดกว้าง การเริ่มต้นก็เกิดขึ้น คนส่วนใหญ่เริ่มต้นจากการไปหาหนังสือการลงทุนมาอ่าน บทความ สมัยใหม่หน่อย ก็หาเอาใน google, facebook หรือ blog ต่างๆ โลกนี้มันง่ายไปซะทุกอย่างตั้งแต่มีอินเตอร์เน็ต อ่านมันให้หมด ประวัติคนประสบความสำเร็จ แนวคิดของเขา เทคนิคการลงทุนของคนนั้นของคนนี้ บลา บลา บลา....

6 เมษายน 2555

วีไอหนุ่ม 'ภาววิทย์ กลิ่นประทุม' โอกาส 'รวย' ของคนคิดต่าง

อนาคตที่ยังมาไม่ถึงคือความหวังอันแสนหวาน 'วีไอหนุ่ม' ฝากความมั่งคั่งทั้งหมดไว้ที่ 'ตลาดหุ้น' และหุ้น 'บิ๊กแคป' ที่เขาลงทุน โดยมีเป้าหมายว่าอีก 20 ปีข้างหน้า 'ข้าจะรวยมหาศาล'

ในหนังสือของเขา แกะรอยหยักสมอง รวยหุ้นหมื่นล้าน "แพท" ภาววิทย์ กลิ่นประทุม เชื่อว่าตลาดหุ้นจะเกิด Super Bull Market ขึ้นอีกครั้งดังเช่นปี 2536 นักลงทุนต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับตลาดหุ้นในยุค Asian Miracle หรือ "มหัศจรรย์อาเซียน" ในยุคต่อไปคนรวย (อาจ) จะจน "คนฉลาด" จะ "รวย" จะเกิด "New Rich" (เศรษฐีใหม่) ในตลาดหุ้น คนที่ยังไม่เคยศึกษาเรื่องการลงทุนให้เริ่มศึกษาได้แล้ว เพราะวันนี้ตลาดหุ้นเราอยู่ในช่วงการก่อตัวของ "กระทิงยักษ์"

วีไอหนุ่มรายนี้จะเล่นเฉพาะ "หุ้นบิ๊กแคป" หรือ "หุ้นบลูชิพ" เท่านั้น ปัจจุบันเขามีหุ้นอยู่ในพอร์ตประมาณ 10 ตัว เช่น PTT, PTTEP, IRPC, BBL, KK และ ADVANC เป็นต้น เขาบอกว่าที่เลือกลงทุนหุ้นตัวใหญ่เพราะมัน "ไม่มีทางเจ๊ง" และมีโอกาสเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจ ส่วนเรื่องผลตอบแทนเป็นไปตามกฎ High Risk High Return ถ้าคุณเสี่ยงมากก็จะได้ผลตอบแทนมาก แต่ผมเลือกที่จะรับความเสี่ยงแบบพอดี

4 เมษายน 2555

ที่สุดแห่งหนังสือการลงทุน "The Intelligent Investor"

หนังสือ "คัมภีร์การลงทุนแบบเน้นคุณค่า" (The Intelligent Investor) เขียนโดยเบนจามิน เกรแฮม(Benjamin Graham)ถือเป็นหนังสือคลาสสิกที่สุดเล่มหนึ่งของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

นักลงทุนหุ้นเน้นคุณค่า (แนว VI ) ทุกคนควรอ่านหนังสือเล่มนี้ (แม้มันจะหนาไปสักนิด ^^) และถือเป็นโชคดีของนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าในเมืองไทยที่คุณพรชัย รัตนนนทชัยสุข แฟนพันธุ์แท้ วอรเรน บัฟเฟตต์ ผู้แปลหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนมาแล้วหลายต่อหลายเล่มได้ลิขสิทธิ์แปลหนังสือเล่มนี้ออกมาเป็นภาษาไทยให้ได้อ่านกัน เพราะถ้าอ่านภาษาอังกฤษต้นฉบับสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคย อาจต้องใช้เวลานานหรือเลิกล้มกลางคันเพราะภาษาที่ใช้ค่อนข้างเก่าและอ่านยากพอสมควร



ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ เบนจามิน เกรแฮม กันซักนิด.....
เกรแฮม คือปรมาจารย์การลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งศตวรรษที่ 20 เขาได้รับยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งการลงทุนแบบเน้นคุณค่า” เกรแฮมเป็นผู้นำเสนอทฤษฏีใหม่ๆ ต่อแวดวงการลงทุนโลก ในยุคที่ทุกคนต่างมองหุ้นเป็นการเก็งกำไร นอกจากนี้ ตัวเขายังเป็นที่ปรึกษาและอาจารย์ของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จที่สุดในยุคปัจจุบัน

31 มีนาคม 2555

"โยโย่" คนรุ่นใหม่กับอาชีพนักลงทุนเต็มตัว


จากดีกรีในการจัดการพอร์ตหุ้นที่ไม่ธรรมดาเพียงแค่ 6 ปีของการเข้าวงการ “สันติ สิงห์วังชา” สามารถสร้างผลตอบแทนได้แล้วกว่า 27 เท่าตัว ด้วยแนวคิดที่เรียบง่าย ลุ่มลึก สุขุมใจเย็น จนได้รับรางวัลผู้ถือหุ้นคุณภาพมาแล้ว เชิญพบกับทายาทสังกัดมวยชื่อดังผู้ได้รับชัยชนะบนสังเวียนหุ้นของ “สันติ สิงห์วังชา”

"ระหว่างเรียนปริญญาโท จริงๆ ผมตั้งใจว่าหลังเรียนจบก็จะหางานประจำทำตามปกติ แต่ก็ตั้งใจไว้เช่นกันว่า ถ้าพอร์ตหุ้นที่เริ่มลงทุนตั้งแต่อายุ 21 เติบโตจนเงินปันผลสามารถเลี้ยงตัวเองได้ ก็จะพิจารณาเป็นนักลงทุนเต็มตัว.....และพอดีว่าตั้งแต่ตอนเรียนปริญญาโทอยู่ พอร์ตก็ผม มันก็โตเกินเป้าหมายที่วางไว้แล้ว คือ ประมาณ 20 ล้าน!!!!! "

ทำให้วันนั้นถึงวันนี้ โยโย่ ในวัย 30 ก็ยังไม่ได้ไปทำงานประจำอย่างที่ตั้งใจไว้ในตอนแรกเลย!!!!!

สำหรับหลักคิดเกี่ยวกับการลงทุนของโยโย่ ได้เปิดเผยให้นักลงทุนไว้อย่างน่าสนใจ


30 มีนาคม 2555

"ชิณณ์" ผู้ชนะหุ้นสิบทิศ กับเทคนิคการลงทุนที่ไม่ธรรมดา

วันนี้พาทุกคนมารู้จักกับเซียนหุ้น ฉายา ผู้ชนะหุ้นสิบทิศ "ชิณณ์ กิตติภานุวัฒน์" กับเทคนิคการลงทุนที่ไม่ธรรมดา......

จากเด็กที่ครอบครัวประสบปัญหาล้มละลาย ไม่มีแม้กระทั่งไม้บรรทัดไปโรงเรียน ครอบครัวต้องย้ายบ้านไปเรื่อยๆ เพื่อหนีเจ้าหนี้ ทำให้เขาตั้งใจว่าสักวันจะต้องร่ำรวยให้ได้ เพราะเจ็บแค้นกับชีวิตที่รันทดในวัยเด็ก

วันนี้ ชิณณ์ ผันตัวจากมาร์เก็ตติ้งหุ้น มาสู่นักลงทุนหุ้นอิสระในวัยเพียง 30 ต้นๆ กับพอร์ตหุ้นหลัก 100 ล้าน

ชิณณ์เริ่มลงทุนตอนเรียนอยู่ปีสาม โดยเขาซื้อหุ้นตัวแรก ก็โชคร้ายเจอเหตุการณ์ 9/11 แต่ช่วงแรกลงทุนโดยใช้เงินเก็บที่มีอยู่เล็กน้อย จึงเสียหายไม่มาก หลังจากนั้นเขาตื้อ ขอเงินเก็บทั้งหมดของครอบครัวจำนวน 5 แสนบาทมาใช้ลงทุน เขาตื้ออยู่นานจนพ่อใจอ่อนให้เขายืม สุดท้ายเขาขาดทุนไป 3 แสน!!!!!

ระหว่างนั้นเขาต้องพยายามปิดบังพ่อเพราะกลัวพ่อรับไม่ไหว ชิณณ์ ใช้เวลา 1 ปี ทำให้พอร์ตกลับมาเป็น 5 แสน เขารีบนำเงินไปคืนพ่อทันที และตัดสินใจว่า เขาจะไม่ใช้เงินของครอบครัวเล่นหุ้นอีกแล้ว !!!!!!

29 มีนาคม 2555

Review หนังสือ "How Buffett Does It ตามรอยวอเร็น บัฟเฟตต์"


คุณรู้หรือไม่ ????

ถ้าคุณลงทุนด้วยเงิน 30,000 บาท ในบริษัทเบิร์กไชร์ฮาธาเวย์ ของวอรเรน บัฟเฟตต์ ในปี 1965 คุณจะมีเงิน 150 ล้านบาทในปัจจุบัน !!!!!!

หนังสือ "How Buffett Does It ตามรอยวอเร็น บัฟเฟตต์" โดย James Pardoe แปลโดยเอกสิทธิ์ หัสสรังสี เล่มนี้ เป็นหนังสือที่สรุปเคล็ดลับง่ายๆ 24 ข้อจากสุดยอดนักลงทุนระดับโลก ผู้ซึ่งสร้างฐานะกลายมาเป็นบุคคลที่รวยเป็นอันดับสามของโลกในปัจจุบัน จากการเป็นนักลงทุนเพียงอย่างเดียว และนี่คือบทสรุปเครล็ดลับการลงทุนที่คุณควรลอกจากเซียนหุ้นรายนี้........

1. เลือกความเรียบง่าย มากกว่าความซับซ้อน
บัฟเฟตต์ แนะนำว่า “เมื่อลงทุน ทำให้เรียบง่าย ชัดเจน อย่าพยายามหาคำตอบที่ซับซ้อน จากคำถามที่ซับซ้อน” จำไว้ว่าความยากไม่มีในการลงทุน มองหาบริษัทที่มีประวัติยาวนานและสามารถคาดเดาอนาคตของธุรกิจได้

ถ้าคุณไม่เข้าใจธุรกิจ อย่าซื้อหุ้น

28 มีนาคม 2555

อยากรวยหุ้นต้องลงทุนแบบผู้หญิง

ผู้ชายส่วนใหญ่มักจะมองว่าผู้หญิงเป็นเพศอ่อนแอ ละเอียดหยุมหยิมเกินไป และไม่เหมาะกับการทำงานใหญ่ที่ต้องอาศัยความเด็ดขาดในการตัดสินใจ แต่สำหรับ วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่สัญชาติอเมริกัน วัย 80 ปี ซึ่งร่ำรวยจากการลงทุนในตลาดหุ้น จนอู้ฟู่กลายเป็นเจ้าของอาณาจักรธุรกิจเบิร์คเชียร์ ฮาธาเวย์ และขึ้นหิ้งเป็นอภิมหาเศรษฐีท็อปทรีของโลก มีสินทรัพย์ไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เขากล้าฟันธงเลยว่า ถ้าอยากจะรวยหุ้น ก็ต้องลงทุนในสไตล์หยุมหยิมแบบผู้หญิง!!

อภิมหาเศรษฐีอันดับต้นๆของโลกเริ่มทำกำไรจากการลงทุนตั้งแต่อายุแค่ 6 ขวบ โดยเขาเจียดเงินค่าขนม 25 เซนต์ นำไปซื้อโค้ก 6 แพ็ก แล้วนำมาขายในราคากระป๋องละหนึ่งเหรียญ ได้กำไรกับกิจการแรกเหนาะๆ 20% เขารักการลงทุนและการออมเงินมาแต่เล็กแต่น้อย โดยรับจ๊อบทุกอย่างเพื่อหารายได้พิเศษตั้งแต่ชั้นประถม ทำหมดโดยไม่เคยเกี่ยงงาน ไม่ว่าจะเป็นทำงานร้านขายของชำของปู่, เดินเคาะประตูบ้านขายหมากฝรั่ง, นิตยสารรายสัปดาห์ และโค้ก (เครื่องดื่มโปรดที่ทำกำไรมหาศาลให้เซียนหุ้นอย่างเขาในภายหลัง) เมื่อเข้าเรียนไฮสกูล นักลงทุนรุ่นเยาว์ก็หันไปขี่จักรยานส่งหนังสือพิมพ์ รวมทั้งขายลูกกอล์ฟ, แสตมป์ และอุปกรณ์ทำความสะอาดรถยนต์ เขายังได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ เมื่อชักชวนเพื่อนซี้ร่วมลงขันซื้อเครื่องเล่นพินบอลมือสอง ราคา 25 ดอลลาร์สหรัฐฯ นำไปวางในร้านตัดผม และภายในเวลาไม่กี่เดือน เถ้าแก่น้อยคู่นี้ก็ขยายกิจการไปทั่วเมือง

27 มีนาคม 2555

เส้นทางนักเล่นหุ้น วัยรุ่นเงินล้าน ยุ้ย พรพิมล

สาวน้อยเล่นหุ้น ยุ้ย-พรพิมล รัตนประไพ นักเก็งกำไรมืออาชีพซึ่งมียอดตัวเลขรายได้จากการเล่นหุ้นถึง 7 หลักต่อเดือน และมีดีกรีเป็นถึงระดับอาจารย์ในวัยเพียงแค่ 26 ปีเท่านั้น เงินล้านจึงหาได้ไม่ยากนักสำหรับเธอที่ทุ่มเทตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา จนถึงวันนี้เธอรู้แล้วว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนจากประสบการณ์ที่ได้ในตลาดหุ้น

เส้นทางนักเล่นหุ้นเริ่มต้นตั้งแต่เธออายุ 23 ปี หลังจากเรียนจบคณะวิทยาศาสตร์ สาขาฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร และได้ทำงานอยู่ที่สถาบันการเงินแห่งหนึ่ง เธอเป็นพนักงานแบงก์ได้ประมาณ 8 เดือน จึงลาออกมาเทรดหุ้น และตอนนี้ก็ยังเทรดหุ้นเรื่อยมา โดยไม่ได้ทำงานประจำอีกเลย...

คิดแบบคนรวย

“คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น” คำกล่าวนี้ฝังอยู่ในหัวของนักเล่นหุ้น และเป็นแรงผลักดันให้นักลงทุนมืออาชีพสร้างเส้นทางรวยด้วยวิธีคิดนี้ เช่นเดียวกับสาวนักเล่นหุ้นที่ค้นหาความฝันบนถนนสายนี้เช่นกัน

24 มีนาคม 2555

สมการความรวย..สง่า ตั้งจันสิริ เซียนหุ้นวัย 34

จากเงินก้อนแรก 500,000 บาท เล่นหุ้น 4 ปี วันนี้เขามีพอร์ตแล้ว 50 ล้าน ชายหนุ่มวัย34 'โนเนม' แต่ไม่ 'โนวิชั่น' สง่า ตั้งจันสิริ ...

แท้ที่จริงตระกูลตั้งจันสิริ ไม่ใช่โนบอดี้ในวงการธุรกิจ ทายาทหนุ่มวัย 34 ปี อาสาพาไปรู้จักเคล็ดลับความสำเร็จของตัวเอง ที่วันนี้มีพอร์ตเล่นหุ้นเป็นตัวเป็นตนแล้ว 50 ล้านบาท แม้ไม่มากแต่ถ้าดูจากจุดเริ่มต้นที่ 5 แสนบาทกับระยะเวลาเพียง 4 ปี หนุ่มคนนี้ถือว่าฝีมือ "ไม่ธรรมดา"

สง่า ตั้งจันสิริ มีพื้นฐานครอบครัวอยู่ในระดับเศรษฐีของเมืองไทย บางคนอาจจะคุ้นๆกับนามสกุล "ตั้งจันสิริ" กับ "จันศิริ" ใน บมจ.ไทยยูเนียน โฟรเซ่น โปรดักส์ หรือ ทียูเอฟ ใช่เลย! เขาเป็นหลานชาย ไกรสร จันศิริ ประธานกรรมการ และผู้ก่อตั้งทียูเอฟ บริษัทผู้ส่งออกปลาทูน่ากระป๋องรายใหญ่ระดับโลก และมีศักดิ์เป็นญาติผู้น้อง ธีรพงศ์ จันศิริ ซีอีโอทียูเอฟ ปัจจุบันสง่านั่งแท่นบริหารบริษัทโบรกเกอร์ประกันภัยของตัวเอง ที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจครอบครัว และรักการลงทุนในตลาดหุ้นเป็นชีวิตจิตใจ

22 มีนาคม 2555

ปรัชญาเซียนหุ้นพันล้าน

ปรัชญาเซียนหุ้นพันล้าน

เปรย
: จงอย่ารักหุ้น อย่าทะนุถนอมหุ้น หรือกอดหุ้นไว้โดยที่ไร้ผลตอบแทน และสร้างความเจ็บปวด ควรคิดเสมอว่า หากเมื่อใดหุ้นที่ซื้อไว้หรือมีไว้ เมื่อหุ้นตัวนั้นไม่ได้สร้างให้สินทรัพย์เพิ่มพูน มีแต่วันจะถดถอย เราควรตัดสินใจสละขายทิ้ง เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะต้องล่มจม

1. จงให้ความสำคัญอย่างมากๆ สำหรับการซื้อหรือขายหุ้นแต่ละครั้ง ดังที่รู้ๆ กันอยู่ว่าการลงทุนในตลาดหุ้นนั้นมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง ดังนั้น การพิถีพิถันต่อการลงทุนไม่ว่าจะเป็นฝั่งซื้อหรือฝั่งขายทุกครั้งก่อนตัดสินใจที่จะเข้าออก ควรต้องศึกษาในตัวหุ้นให้เข้าถึงอย่างลึกซึ้งถึงความเป็นมาเป็นไป นั่นเท่ากับว่าเราให้ความสำคัญกับเม็ดเงินที่ลงทุนหรือลงทุนไปแล้ว ย่อมเป็นสิ่งที่ดี

20 มีนาคม 2555

'ฉาย บุนนาค' เซียนหุ้น 'รุ่นจูเนียร์' กับพอร์ตหุ้น 200 ล้านบาท

'ฉาย บุนนาค' เซียนหุ้น 'รุ่นจูเนียร์' กับพอร์ตหุ้น 200 ล้านบาท ศิษย์เอก 'เสี่ยป๋อง' วัชระ แก้วสว่าง

เปิดตัวนักศึกษาปริญญาโทศศินทร์ วัย 27 ปี กับพอร์ตการลงทุนที่ไม่ธรรมดา ไต่จาก "หลักแสน" กระโดดมาเป็น 200 ล้านบาท ภายในไม่กี่ปี เทรดหุ้นเฉลี่ยเดือนละหลัก "พันล้านบาท"...เส้นทางโลดแล่นในยุทธจักรตลาดทุนของ "ฉาย บุนนาค" ศิษย์เอก "เสี่ยป๋อง" วัชระ แก้วสว่าง เขาคือเซียนหุ้น "รุ่นใหม่"

ชื่อของ "ฉาย บุนนาค" เริ่มฉายแววจาก "นักลงทุนโนเนม" สู่ "แบรนด์เนม" และเข้ามาอยู่ใน "จอเรดาร์" พาสปอร์ตสู่ความสำเร็จของฉาย ทำให้เกิดประเด็นข้อสงสัยไม่น้อยว่า หนุ่มน้อยรายนี้เป็น "นอมินี" ให้กับใครหรือไม่ เหตุใด! จึงรู้จังหวะเข้าเร็ว-ออกเร็ว ใน "หุ้นบางตัว" ราวกับมีพรายกระซิบ

16 มีนาคม 2555

"Jim Simons" เจ้าของเฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

จิม ไซมอนส์ คือเจ้าของ Renaisance Technologies เฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบัน (เฉพาะ Equity) (สินทรัพย์ $35 billions)

กองทุน Medallion ที่ ไซมอนส์บริหารเป็นเฮ็ดจ์ฟันด์จำพวก Quantitative กล่าวคือ อาศัยโมเดลทางคณิตศาสตร์ในการเทรดล้วนๆ แทนที่จะอาศัยการวิเคราะห์ข่าวหรือปัจจัยพื้นฐาน ทุกอย่างจะถูกควบคุมโดยคอมพิวเตอร์ ซึ่งพยายามค้นหาช่องว่างในการทำกำไรจากหลักทรัพย์อะไรก็ได้ที่หาได้จากทุก ตลาดที่มี correlation ที่ต่างกัน โดยโมเดลและธุรกรรมทั้งหมดจะถูกปกปิดเป็นความลับสุดยอด เพื่อป้องกันมิให้มีคนเลียนแบบ (ซึ่งจะทำให้โอกาสในการทำกำไรหายไป)

15 มีนาคม 2555

สูตรลงทุน...วิกรม เกษมวุฒิ 37 ปี รวยหุ้น 'ปูนใหญ่' 250 เท่า


ประสบการณ์จริง "วิกรม เกษมวุฒิ" กับการลงทุน “หุ้นปูนใหญ่” เป็นเวลา 37 ปีเพียงตัวเดียวกำไร 250 เท่า บวกเงินปันผลที่ได้รับอีก 4,800% จากเงินเริ่มต้นลงทุนเพียง 100 หุ้น หรือ 16,700 บาท ..

เขาเป็นกรณีตัวอย่างให้กับนักลงทุนที่บอกว่าเงินน้อย ลงทุนไม่ได้ และเป็นกรณีศึกษาให้กับคนที่คิดว่าต้องซื้อขายบ่อยๆถึงจะได้กำไร และเป็นอีกบทสรุปว่าคุณต้องหาหุ้นในดวงใจให้เจอ.....

ประวัติการลงทุนของ "วิกรม เกษมวุฒิ" เจ้าตำรับนักลงทุนที่ใช้สถิติเป็นแนวทางลงทุนในหุ้น เริ่มขึ้นครั้งแรกพร้อมกับตลาดหุ้นที่จัดตั้งขึ้นในปี 2518 โดยหุ้นที่ซื้อตัวเดียวคือ หุ้นปูนใหญ่ (SCC) หรือ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำนวน 100 หุ้นในราคาหุ้นละ 167 บาท ด้วยทุน 16,700 บาท มาถึงวันนี้กินเวลา 37 ปีเต็ม...

ผลจากการ "แตกพาร์" ของหุ้นปูนใหญ่สองครั้ง ทำให้หุ้นเดิมที่มีอยู่ 100 หุ้นที่ราคาพาร์ 100 บาท กลายเป็น 1,000 หุ้นเมื่อลดพาร์เป็น 10 บาท และเพิ่มเป็น 10,000 หุ้นในราคาพาร์ 1 บาทในวันนี้

14 มีนาคม 2555

John D.Arnold หนุ่มมหาเศรษฐี ด้วยการเป็น Gas Trader

John D.Arnold หนุ่มมหาเศรษฐี วัย 33 ปี เจ้าของกองทุน Centaurus เฮ็ดจ์ฟันด์ที่ลงทุนในตลาดก๊าซธรรมชาติโดยเฉพาะ ปีที่แล้ว เขาถูกจัดอันดับให้เป็น Hedge Fund Manager ที่มีรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจาก Jim Simons และ John Paulson

Arnold จบจาก Vanderbilt University และเริ่มต้นทำงานเป็น Gas Trader ที่ Enron เขาสามารถทำกำไรให้ Enronได้ $750 millions ในปีเดียว และได้รับโบนัสเป็นเงินถึง $8 millions เมื่อ Enron ล้มละลาย เขาไม่อยู่ในข่ายที่ถูกตั้งข้อหาใดๆ เกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลของบริษัท