28 เมษายน 2555

ลอกคราบขบวนการปั่นหุ้น!!!!!

ตลาดหุ้นกับการเก็งกำไรเป็นของคู่กัน ซึ่งแรงเก็งกำไรในบางครั้งอาจก้าวล่วงไปสู่การ(สร้าง) ปั่นราคาหุ้น เพราะหลายครั้งพบว่าแรงเก็งกำไรที่เกิดขึ้นเกิดจากการวางแผนหรือทำข้อตกลงร่วมกันของกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ไม่กี่คน เพียงแต่กระบวนวิธีมีความแตกต่างกันไปตามโอกาสและกาลเวลา

ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน การปั่นหุ้นยังคงเกิดขึ้นตลอดเวลา หน้าเก่าไป หน้าใหม่มา ตลาดหุ้นยังคงเป็นแหล่งทำเงินให้ก๊วนปั่นหุ้นอย่างเป็นกอบเป็บกำ ก๊วนบางก๊วน ต้องนั่งคิดกันนานหลายวันทีเดียว ว่าปั่นหุ้นรอบนี้จะซื้อรถสปร์อตรุ่นไหน ยี่ห้อไหนดีน้าาาาาา - -'' จนอาจกล่าวได้ว่า ตราบใดที่ความโลภยังมีอยู่ โอกาสทำเงินของคนพวกนี้ก็จะไม่หมดไป และแน่นอน ว่ามันไม่มีทางหมด เมื่อมนุษย์กับความโลภเป็นของคู่กัน!!!!

27 เมษายน 2555

“ไฮ้ ส้มตำคอนแวนต์” จากหลักแสนเป็นร้อยล้าน !!!!

นายธนกฤต เลิศผาติ หรือ “ไฮ้” เจ้าของร้าน “ไฮ้ ส้มตำคอนแวนต์” วัย 40 ปี เปิดเผยว่า ได้นำกำไร 1 แสนบาท จากการขายส้มตำมาเป็นทุนประเดิมในการซื้อขายหุ้นเมื่อปี 2542 ช่วงที่ตลาดหุ้นยังไม่ฟื้นจากวิกฤตสถาบันการเงินปี 2540 ช่วงนั้นดัชนีอยู่ที่ 300 จุดเท่านั้น ทำให้ตนร่ำรวยขึ้นมา หากตลาดหุ้นดีๆ จะซื้อขายวันละ 30-40 ล้านบาท หรือเดือนละหลายร้อยล้านบาท ไปถึงหลักพันล้านบาทในปัจจุบัน

นายธนกฤต กล่าวว่า เขาชอบเข้าซื้อขายหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี โดยมีนายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล หรือเสี่ยปู่ เป็นแบบอย่างและปรับสไตล์ให้เข้ากับตัวเอง จน ร่ำรวย โดยช่วงเริ่มแรกก็ลองผิดลองถูกเช่นเดียวกับนักลงทุนทั่วไป แต่เมื่อลงทุนได้ระยะหนึ่งจึงปรับมา ลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดี แต่จะไม่เล่นหุ้นตามข่าวลือ

26 เมษายน 2555

"มาม่าบลู" (เจ๊สีฟ้า) นักเก็งกำไรหุ้นตัวยง

มาม่าบลู หรือ มาดามบลู หรือ เจ๊สีฟ้า ที่ใครๆรู้จักกัน และโด่งดังมากเมื่อหลายปีก่อน เป็นเซียนหุ้นรายใหญ่ระดับประเทศที่มีสไตล์การเข้าออกแบบ aggressive และ โครมครามเสมอ ถ้าเธอเข้าตัวไหน เราๆท่านๆ จะซื้อไม่ค่อยทัน ส่วนคนที่ซื้อทัน จะได้รับกำไรมหาศาลภายในวันเดียว ขณะเดียวกัน เวลาที่เธอขาย เธอไม่ได้สั่งให้วางขายที่ราคาเท่านั้นเท่านี้ เธอสั่งขายเป็นจำนวน "ขายไปก่อน 5 ล้านหุ้น" ซึ่งหมายถึง ต้องขายทันที 5 ล้านหุ้น โดยจะขายไปที่ราคาเท่าไหร่ก็ได้ ...... คงเคยเห็นมาบ้างแล้วนะ ไอ้ประเภทที่ ซื้อทีเดียว 3 ช่องราคา หรือ ขายลงมาทีเดียว 3 ช่องราคาน่ะ นี่แหละเจ๊แกล่ะ !!!

ศรีฟ้า แจ่มวุฒิปรีชา หรือ มาม่าบลู จบการศึกษาทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมเคมี จากรั้วจามจุรี (CT19 ปี 2518) และก็มาคว้าปริญญาโท (เอ็มบีเอ) จากสถาบันพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) จากปากของมาม่าบลูเธอเล่าว่า ได้ยึดอาชีพเล่นหุ้นมาเกือบ 20 กว่าปีแล้ว ขณะที่ไม่ได้บอกว่าปัจจุบันมีพอร์ตลงทุนเท่าไหร่ แต่ในแวดวงนักลงทุนว่ากันว่า พอร์ตเธอมีระดับพันล้าน!

25 เมษายน 2555

ซื้อหุ้นตอนไหนดี $ $ ฉบับบัฟเฟตต์


ครั้งหนึ่ง เซอร์ไอแซค นิวตัน เคยพูดไว้ว่า "ผมสามารถคำนวณการเคลื่อนที่ของท้องฟ้าได้ แต่ผมไม่สามารถคำนวณความบ้าคลั่งของมนุษย์ได้"

อะไรจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้? ตลาดจะขึ้น จะลง หรือจะทรงตัว? สำหรับบัฟเฟตต์ คำถามเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่น่าสนใจ ยกเว้นว่ามันจะเป็น "โรคติดต่อร้ายแรง" ของความกลัวและความโลภ จนมีผลกระทบต่อโอกาสในการลงทุนของเขา ไม่ว่าจะเป็นการตกลงของราคาแล้วสร้างโอกาสในการซื้อ (ตลาดมีความกลัวเกิดขึ้น) หรือการเพิ่มขึ้นของราคาแล้วโอกาสในการซื้อหมดไป (ตลาดมีความโลภเกิดขึ้น) บัฟเฟตต์เตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนไหวเมื่อเขามีโอกาส และถ้าความโลภเข้าครอบงำเขาก็พร้อมที่จะรออยู่ข้างสนาม !!!!!

ตลาดหุ้นจะได้รับอิทธิพลจากโรคระบาดร้ายแรงที่เกิดขึ้นจากอารมณ์ของความโลภและความกลัวเป็นระยะระยะ และบัฟเฟตต์ ก็มักจะออกมาต่อต้านการระบาดของโรคติดต่อทางอารมณ์อยู่บ่อยครั้งโดยการประพฤติตัวในทางตรงกันข้ามกับความรู้สึกของคนส่วนใหญ่

21 เมษายน 2555

Review หนังสือ "ไขรหัสลับขุมทรัพย์เงินล้าน"

วันนี้ขอนำเสนอหนังสือจากค่าย Stock2morrow ที่เพิ่งวางแผนสดๆ ร้อนๆ มาให้ได้เชยชมกัน ต้องขออกตัวก่อนเลยว่า โดยส่วนตัวชื่นชอบหนังสือของค่ายน้องใหม่นี้มาก ทั้งในส่วนของตัวหนังสือที่มีเนื้อหาไปในเชิงสะท้อนมุมมองนักลงทุน ให้ผู้อ่านได้เห็นภาพตลาดหุ้นในรูปของตัวหนังสือเพื่อให้เราสามารถมอทะลุถึงหลักการลงทุนที่จะทำให้เราเป็นผู้ชนะในตลาดหุ้นแห่งนี้ได้ ด้วยภาษาที่เข้าใจง่ายออกแนวกวนนิดๆ ตลอดจนยังชื่นชอบแผนการตลาดของสำนักพิมพ์นี้ที่สามารถใช้สื่อออนไลน์มาแผ่รัศมีความนิยมในหนังสือและตัวผู้เขียนได้อย่างลงตัว ^^

สำหรับหนังสือเล่มใหม่นี้ ชื่อหนังสือว่า "ไขรหัสลับขุมทรัพย์เงินล้าน" เขียนโดยคุณสุวิจักขณ์ ศรีอารีย์ "เกมส์" นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จแม้ไม่ใหญ่โตระดับพันล้าน แต่ก็น่าทึ่งเพราะเขาเริ่มต้นจากศูนย์ จากการเป็นลูกกรรมกร จากไม่มีแม้กระทั่งเงินซื้อข้าวกิน !!!!!

เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ ค่อนข้างฉีกแนวไปจากหนังสือของสำนักพิมพ์นี้พอสมควร เพราะเดิมทีเดียวคิดว่า เนื้อหาน่าจะคล้ายๆ เดิม คือคงจะเน้นถึงหลักคิดในการลงทุน หรือหลักคิดในการทำธุรกิจ อะไรประมาณนี้ แต่ผิดคาด หนังสือเล่มนี้ มาในแนวหนังสือพัฒนาตนเอง ซึ่งแม้จะไม่ได้เป็นอย่างที่คิด แต่ก็ถือว่าเป็นหนังสือที่คิดไม่ผิดที่ซื้อมาสะสมเล่มนึงเลยทีเดียว เพราะนอกจากจะได้ idea ในการหาเงินล้านสำหรับคนไม่มีทุนเลย ยังสามารถยกระดับความพร้อมทางอารมณ์ ความคิด ให้สามารถเข้าสู่สนามรบทางการค้า การลงทุนอย่างมั่นคงด้วยการพัฒนาความแข็งแกร่งของจิตใจ  

19 เมษายน 2555

"จอร์จ ตัน"เผยเทคนิคเซียนหุ้นขาใหญ่ !!!!


รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง ก่อนจะทำศึก นอกจากคุณจะสำรวจความพร้อมของตัวเองให้ดีแล้ว คุณจะจำเป็นต้องสนใจพฤติกรรมและกลยุทธ์ของคู่ต่อสู้ ในตลาดหุ้นก็เช่นกัน คุณจำเป็นต้องเรียนรู้กลเม็ดเผด็จศึกของขาใหญ่ ที่คอยวางแผนจะกินเงินคุณทุกวินาที คุณต้องคอยเงี่ยหูฟังว่ารายใหญ่เขาคิดอะไรกันอยู่ รับรองว่าหลังจากอ่านบทความนี้แล้ว คุณจะเข้าใจหลักการของตลาดหุ้นมากขึ้น ซึ่งหวังว่าจะทำให้คุณเป็นอีกคนที่ร่ำรวยจากตลาดหุ้น.....


"จอร์จ ตัน" หรือ เอกยุทธ อัญชันบุตร เซียนหุ้นขาใหญ่ เปิดเผยว่า คนที่เล่นหุ้นระดับ 1,000 ล้านขึ้นไป มีไม่เกิน 30 คน ที่เล่นหุ้นระดับ 2,000 ล้านบาทขึ้นไปมีอยู่ 4-5 คนในตลาด

"พวกนี้จะรู้จักกันเองผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะมาชนกันในตลาด จะรู้เลยว่าซื้อขายสไตล์นี้ใครเล่น ถ้าเห็นลักษณะการขายที่รุนแรงออกมา จะรู้ได้ว่าเขาถือ "ต้นทุนต่ำ" ได้กำไรกลับออกไปเยอะ คนพวกนี้เกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนรัฐบาล"

18 เมษายน 2555

“Stop Loss” ไม่เป็น เจ๊งสถานเดียว!!!!!!

“ทุกคนที่เจ๊งหุ้นมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือ ไม่ยอม “Stop Loss” ทำให้ผมเข้าใจว่า ถ้าเราจะอยู่ในวงการนี้ได้นาน เราต้องรู้จักวิธีจำกัดความเสี่ยง” “ต้องชิงตัดขาดทุน (Cut Loss) เสียแต่เนิ่นๆ ก่อนที่ตัวเลขขาดทุนจะบานปลาย” …….. ท.พ.ยรรยง พันธุ์วงศ์กล่อม (หมอยง)- นักลงทุนรายใหญ่ของไทย

ถ้าท่านอยากเป็นนักกีฬามืออาชีพ ท่านก็ต้องเข้าหานักกีฬาทีมชาติ ถ้าท่านอยากเป็นนักกอล์ฟ ท่านก็ไม่ควรจะมาถามผม เพราะผมตีกอล์ฟไม่เป็น ถ้าท่านกำลังจะขึ้นเครื่องบิน ก็ไม่ควรชมภาพยนตร์ที่มีฉากเครื่องบินตก และถ้าท่านอยากเป็นผู้ชนะในตลาดหุ้น ก็ต้องสัมภาษณ์และเรียนรู้ถอดประสบการณ์จากเซียนหุ้นที่ประสบความสำเร็จ ใช่ไหมครับ…?

ทุกครั้งที่ผมมีโอกาสเจอเซียนหุ้น ผมจึงไม่รีรอที่จะถามท่านเหล่านั้นว่า อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในการเล่นหุ้น

14 เมษายน 2555

ร่ำรวยจากตลาดหุ้นคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

เนื่องจากความร่ำรวยจากตลาดหุ้น ถูกมองว่าเป็นการทำเงินที่ง่าย และสบายกว่าอาชีพอื่น เพราะการทำกำไรนั้น อยู่แค่เพียง ปลายคลิ๊ก ของเรา แค่กด enter ซื้อขายก็ทำเงินได้แล้ว ทำให้คนมากมายเดินเข้าสู่วงการตลาดหุ้น เพราะคิดว่ามันง่าย และเหนื่อยน้อยกว่างานใดๆ

ซึ่งแน่นอนว่า นักลงทุนเกือบทุกคน มีเป้าหมายและความกระหายที่แท้จริงเหมือนๆกัน ไม่ว่าเค้าคนนั้นจะพูดว่าต้องการมาก หรือต้องการน้อยก็ตาม เป้าหมายนั้นก็คือ เงิน ความร่ำรวย ความมั่งคั่ง อิสรภาพทางการเงิน อิสระในการใช้ชีวิต ฯลฯ

แต่เมื่อเรามาใช้ชีวิตนักลงทุนเต็มตัว หรือบางคนอาจจะกึ่งๆ นักลงทุน เพราะยังมุ่งมั่นกับการทำงานประจำอยู่ เราก็พยายามอย่างมากที่จะประสบความสำเร็จอย่างคนอื่น ซึ่งมีเรื่องราว และประวัติผู้ที่ร่ำรวยจากตลาดหุ้นมากมายให้เราได้ศึกษา เราพยายามอย่างหนักที่จะเจริญรอยตามเค้าเหล่านั้น แต่จนแล้วจนรอด เราก็ไม่เห็นจะรวยแบบเค้าเหล่านั้นเสียที

คนนึงเล่นจาก 3 แสน เป็น 30 ล้าน ในเวลา 6 ปี อีกคน จาก 2 ล้านเป็น พันล้านภายใน 10 ปี อีกคนก็ แสนเดียวเท่านั้น กลายเป็น 10 ล้านภายใน 5 ปี อะไรมันจะง่ายแบบนั้น แล้วเมื่อไหร่มันจะเป็นวันของเรานะ ??

คำถามนี้ คงยังตราตรึงอยู่ในใจของนักลงทุนทั้งรุ่นใหม่ รุ่นเก่าที่ยังไม่ประสบความสำเร็จเสมอ เพราะเรายังขยันไม่พอรึเปล่า หรือเราอ่านข่าวน้อยไป ไม่หรอก เราว่าเราก็ติดตามข้อมูลมากมายแล้วนะ งบการเงินก็วิเคราะห์ตลอด หรือเราทุนน้อยไป แล้วทำไม ทำไม เรายังไม่รวยซะที !!!!

หลังจากนั้น เราก็มักปิดท้ายความคิดด้วยประโยคเข้าข้างตัวเองต่างๆ เช่น หรือเป็นเพราะเค้าเหล่านั้นโชคช่วยดวงดีสุดๆ หรือเพราะ เค้าเป็นพวกวงในหรือพวกปั่นหุ้น หรือว่าเค้าต้องโกหกแน่ๆ เค้าไม่มีทางรวยได้ขนาดนั้นหรอก พวกนี้มันทุนหนา หรือไม่ก็ฟลุ๊คแหงๆ !!!!

คำตอบของเรื่องนี้ มันง่ายมาก ถ้าคุณได้ติดตามเรื่องราว และวิถีชีวิตของเขาในแต่ละวัน ไม่ใช่เพราะเค้าดวงดี ไม่ใช่เพราะเค้ามี inside แต่เป็นเพราะเค้าทำการบ้านอย่างหนัก และแน่นอน เขาขยันมากกว่าที่คุณคิด!!!!!!

วอรเรน บัฟเฟตต์ ตื่น 6 โมงเช้าเพื่ออ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์หลายฉบับ หลังจากนั้น เค้าจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านรายงานประจำปีของบริษัทต่างๆ ในทุกๆวัน

เจสซี่ ลิเวอร์มอร์ นักเก็งกำไรระดับตำนาน กล่าวว่า “ตลาดหุ้นคือที่ที่อันตรายมากสำหรับคนที่ไม่ชอบทำการบ้าน คนโง่ และคนที่ชอบรวยทางลัด ถ้ามีคนถามผมว่าจะทำเงินจากตลาดหุ้นได้อย่างไร มันก็คงไม่ต่างอะไรกับคนทั่วไปเดินมาถามหมอและทนายว่า ผมจะทำเงินอย่างรวดเร็วจากการผ่าตัดและการว่าความได้ยังไง มันคงดูบ้ามาก เพราะฉะนั้น สิ่งเดียวที่คุณต้องทำคืออุทิศตัวให้กับการลงทุนอย่างแท้จริง..."

และจากการติดตามเทคนิค และประวัติของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จอีกจำนวนมาก พบว่าเขาเหล่านั้นแทบทุกคนใช้เวลาเยอะมากในการศึกษา วิเคราะห์ข้อมูล งบการเงิน รวมถึงการประเมินผลประกอบการ แม้ในกลุ่มนักลงทุนแนวเทคนิคคอล ก็เช่นเดียวกัน เขาส่วนใหญ่ใช้เวลาหลังปิดตลาดไปกับการดูกราฟ ศึกษารูปแบบของกราฟหุ้นตัวต่างๆ ตลอดจนในเวลาในการติดตามข่าวสารทั้งในและต่างประเทศ อย่างหนักในทุกๆวัน เพื่อมองหาโอกาสในการทำกำไร

เห็นแบบนี้ คงไม่อาจพูดได้เต็มปากใช่ไหมว่าเขาเหล่านั้น รวยเพราะโชคช่วย ความสำเร็จที่เกิดขึ้นของพวกเขาล้วนเกิดจากการมุมานะ พยายาม และทำการศึกษาอย่างมุ่งมั่น ไม่เพียงรอคอยโอกาสเท่านั้น เขายังเตรียมตัวให้พร้อมเสมอเมื่อโอกาสมาถึง จึงไม่แปลกใจเลยว่าเขาเหล่านี้ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นได้อย่างไร

กับมาที่ตัวเรา เราคงต้องถามตัวเองว่าเราต้องการอะไรจากตลาดหุ้น ถ้าคำตอบคือ ความร่ำรวยและประสบความสำเร็จในการลงทุน คุณคงต้องถอดแบบพฤติกรรมของคนที่ประสบความสำเร็จ ศึกษา ค้นคว้าข้อมูลด้วยความอดทน มุ่งมั่นที่จะลงทุนตามแนวทางที่เราตั้งใจ ลงทุนด้วยเหตุผล อย่าลงทุนด้วยอามรณ์ แต่ถ้าคุณคิดว่า ตลาดหุ้นมันสามารถหาเงินได้ง่ายกว่าจริงๆแล้วละก็ คุณก็จงอยู่ให้ห่างตลาดหุ้นซะ เพราะเงินที่หามาได้ง่ายๆ ในโลกนี้มันไม่มีอยู่จริงหรอกกกก

By 2Binvestor

12 เมษายน 2555

รวยง่ายๆ ถ้าคุณรู้จักและเข้าใจ Mr.Market (นายตลาด)

อะไรทำให้คุณเป็นนักลงทุนที่ดี? วอรเรน บัฟเฟตต์ พูดไว้ว่า นักลงทุนที่ดี ก็คือ ใครก็ตามที่สามารถรวมเอาการเลือกธุรกิจที่ดีเข้ากับความสามารถที่จะวางเฉยต่อการแกว่งตัวอย่างรุนแรงของตลาดหุ้นได้

บัฟเฟตต์ เป็นลูกศิษย์ของ เบนจามิน เกรแฮม ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เขาเป็นนักเรียนคนเดียวที่ได้เกรด A+ ตลอดระยะเวลา 22 ปี ที่เกรแฮมสอนมา เกรแฮมได้สอนให้เขารู้จักกับแนวความคิดที่สำคัญที่สุด ซึ่งบัฟเฟตต์ยังยึดมั่นอยู่ในปัจจุบัน เรื่องแรกก็คือ แนวความคิดในการเปรียบเทียบตลาดหุ้น กับ Mr.Market และเรื่องที่สอง คือ ต้องมี Margin of Safety ในราคาหุ้นที่จะซื้อเสมอ (หุ้นที่ดี แต่มีราคาแพงเกินไป มันก็ไม่ใช่หุ้นที่ควรซื้อ)

บัฟเฟตต์พูดในงานคล้ายวันเกิดครบรอบ 100 ปี ของเกรแฮม ว่า แนวความคิดนี้ใช้ได้ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และจะยังคงเป็นแนวความคิดที่สำคัญต่อไปในอีกศตวรรษข้างหน้า

ใคร คือ Mr.Market (นายตลาด)
บัฟเฟตต์ อธิบายให้ฟังว่า Mr.Market คือหุ้นส่วนทางธุรกิจของคุณ นายตลาดเป็นคนที่มีปัญหาทางด้านอารมณ์ ซึ่งเขาจะปรากฎตัวขึ้นทุกๆวันโดยไม่เคยขาด และจะเสนอราคาขอซื้อหุ้นในส่วนของคุณ หรือ ขายหุ้นในส่วนของเขาให้กับคุณ

บัฟเฟตต์ เรียกนายตลาดว่า "คนวิกลจริต" หรืออาจเรียกได้ว่าคนที่มี "บุคลิกภาพ 2 ขั้ว" ปัญหาทางด้านจิตใจของนายตลาดนั้น ส่งผลถึงราคาหุ้นที่เขาเสนอขายด้วย ถ้าวันไหนที่เขารู้สึกอิ่มเอมใจ เขาจะมองเห็นแต่สิ่งดีๆ ในธุรกิจ และจะเสนอขายหุ้นในส่วนของเขาในราคาที่สูงมาก ที่จริงแล้ว ถ้าเขาอารมณ์ดีแบบนี้ เขาไม่ได้ต้องการจะขายหุ้นของเขาให้กับคุณหรอก เขาตั้งราคาขายแพงๆเพราะเขากลัวว่าคุณจะยอมรับราคาที่เขาเสนอและซื้อหุ้นของเขา และกลัวว่าคุณจะกวาดเอาผลประโยชน์ทั้งหมดซึ่งเขาคิดว่าควรจะเป็นของเขาไป

10 เมษายน 2555

" จิม โรเจอร์ " นักผจญภัยแห่งตลาดทุนและเซียนสินค้าโภคภัณฑ์

ถ้าเอ่ยถึงชื่อ วอเรน บัฟเฟตต์ ย่อมเป็นที่รู้จักกันดีในวงการตลาดหุ้นทั่วโลก แต่สำหรับในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ผู้ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดคนนึงในปัจุบัน คงหนีไม่พ้นบุรุษนามว่า จิม โรเจอร์ส!!!!

(เพิ่มเติม ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ คือ ตลาดสินค้าเกษตร เช่น ถั่วเหลือง น้ำตาล โกโก้ ข้าวสาลี ฯลฯ ตลาดสินค้าพลังงาน โลหะ ทองคำ นอกจากนี้โรเจอร์ยังให้ความสนใจในตลาดค่าเงิน ซึ่งถือเป็นตลาดเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก)

โรเจอร์ได้รู้จักและหลุดเข้ามาสู่โลกเเห่งการเทรดโดยบังเอิญ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ค้นพบว่าตัวเองมีความหลงไหลในการเทรดอย่างมาก จนเขาถึงกับกล่าวว่า "ตลาดหุ้นเเละตลาดการเงิน พร้อมที่จะจ่ายรางวัลตอบเเทนอย่างมหาศาลให้กับคนที่สามารถรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นบ้างในตลาด ซึ่งเขา พร้อมที่จะไขปัญหานั้นเเม้ว่าจะต้องทำงานให้เเบบฟรีๆ ก็ตาม เพราะเขาชอบความตื่นเต้นเเละความท้าทาย"

8 เมษายน 2555

ความลับของตลาดหุ้น

ความรู้สึกแรกของคนที่เพิ่งรู้จักกับตลาดหุ้น....
- โลกนี้มีงานสบายแบบนี้ด้วยหรอเนี่ย แล้วแบบนี้เราจะมานั่งทำงานประจำกันอยู่ทำไม ??
- ฮ่าๆๆ เรารวยแน่ แค่คลิก ซื้อถูกขายแพง ไม่เห็นจะยากตรงไหน ???
- จบสิ้นกันที การเป็นลูกจ้าง ชั้นจะเป็นนายตัวเอง ตื่นสิบโมง เลิกงานสี่โมงครึ่ง จะนั่งหรือจะนอนเทรดดีนะ???
- ชั้นว่าชั้นเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ งานง่ายๆ คนรักสบายอย่างเรา ถนัด !!!!!
- อิสรภาพทางการเงิน เป็นเศรษฐีวัยเยาว์ เกษียณตั้งแต่ 40 อิ อิ เราคือรายต่อไปแล้ววววว

ก็แหมลองคิดดูสิ จะมีงานอะไรในโลกนี้ ไม่ต้องเจอใคร ไม่ต้องทนกับเจ้านายขี้บ่น นั่งอยู่บ้าน ไม่ต้องอาบน้ำ นั่งๆนอนๆ ก็ทำเงินได้แล้ว แค่คิดก็ฝันหวานแล้วเรา ^^

เมื่อความหวังเริ่มเปิดกว้าง การเริ่มต้นก็เกิดขึ้น คนส่วนใหญ่เริ่มต้นจากการไปหาหนังสือการลงทุนมาอ่าน บทความ สมัยใหม่หน่อย ก็หาเอาใน google, facebook หรือ blog ต่างๆ โลกนี้มันง่ายไปซะทุกอย่างตั้งแต่มีอินเตอร์เน็ต อ่านมันให้หมด ประวัติคนประสบความสำเร็จ แนวคิดของเขา เทคนิคการลงทุนของคนนั้นของคนนี้ บลา บลา บลา....

6 เมษายน 2555

วีไอหนุ่ม 'ภาววิทย์ กลิ่นประทุม' โอกาส 'รวย' ของคนคิดต่าง

อนาคตที่ยังมาไม่ถึงคือความหวังอันแสนหวาน 'วีไอหนุ่ม' ฝากความมั่งคั่งทั้งหมดไว้ที่ 'ตลาดหุ้น' และหุ้น 'บิ๊กแคป' ที่เขาลงทุน โดยมีเป้าหมายว่าอีก 20 ปีข้างหน้า 'ข้าจะรวยมหาศาล'

ในหนังสือของเขา แกะรอยหยักสมอง รวยหุ้นหมื่นล้าน "แพท" ภาววิทย์ กลิ่นประทุม เชื่อว่าตลาดหุ้นจะเกิด Super Bull Market ขึ้นอีกครั้งดังเช่นปี 2536 นักลงทุนต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับตลาดหุ้นในยุค Asian Miracle หรือ "มหัศจรรย์อาเซียน" ในยุคต่อไปคนรวย (อาจ) จะจน "คนฉลาด" จะ "รวย" จะเกิด "New Rich" (เศรษฐีใหม่) ในตลาดหุ้น คนที่ยังไม่เคยศึกษาเรื่องการลงทุนให้เริ่มศึกษาได้แล้ว เพราะวันนี้ตลาดหุ้นเราอยู่ในช่วงการก่อตัวของ "กระทิงยักษ์"

วีไอหนุ่มรายนี้จะเล่นเฉพาะ "หุ้นบิ๊กแคป" หรือ "หุ้นบลูชิพ" เท่านั้น ปัจจุบันเขามีหุ้นอยู่ในพอร์ตประมาณ 10 ตัว เช่น PTT, PTTEP, IRPC, BBL, KK และ ADVANC เป็นต้น เขาบอกว่าที่เลือกลงทุนหุ้นตัวใหญ่เพราะมัน "ไม่มีทางเจ๊ง" และมีโอกาสเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจ ส่วนเรื่องผลตอบแทนเป็นไปตามกฎ High Risk High Return ถ้าคุณเสี่ยงมากก็จะได้ผลตอบแทนมาก แต่ผมเลือกที่จะรับความเสี่ยงแบบพอดี

4 เมษายน 2555

ที่สุดแห่งหนังสือการลงทุน "The Intelligent Investor"

หนังสือ "คัมภีร์การลงทุนแบบเน้นคุณค่า" (The Intelligent Investor) เขียนโดยเบนจามิน เกรแฮม(Benjamin Graham)ถือเป็นหนังสือคลาสสิกที่สุดเล่มหนึ่งของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

นักลงทุนหุ้นเน้นคุณค่า (แนว VI ) ทุกคนควรอ่านหนังสือเล่มนี้ (แม้มันจะหนาไปสักนิด ^^) และถือเป็นโชคดีของนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าในเมืองไทยที่คุณพรชัย รัตนนนทชัยสุข แฟนพันธุ์แท้ วอรเรน บัฟเฟตต์ ผู้แปลหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนมาแล้วหลายต่อหลายเล่มได้ลิขสิทธิ์แปลหนังสือเล่มนี้ออกมาเป็นภาษาไทยให้ได้อ่านกัน เพราะถ้าอ่านภาษาอังกฤษต้นฉบับสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคย อาจต้องใช้เวลานานหรือเลิกล้มกลางคันเพราะภาษาที่ใช้ค่อนข้างเก่าและอ่านยากพอสมควร



ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ เบนจามิน เกรแฮม กันซักนิด.....
เกรแฮม คือปรมาจารย์การลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งศตวรรษที่ 20 เขาได้รับยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งการลงทุนแบบเน้นคุณค่า” เกรแฮมเป็นผู้นำเสนอทฤษฏีใหม่ๆ ต่อแวดวงการลงทุนโลก ในยุคที่ทุกคนต่างมองหุ้นเป็นการเก็งกำไร นอกจากนี้ ตัวเขายังเป็นที่ปรึกษาและอาจารย์ของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จที่สุดในยุคปัจจุบัน