15 พฤษภาคม 2556

เทรดเดอร์คนหนึ่งกับคำถาม "ทำไมพ่อถึงไม่รวยซักที?"

เดวิตเป็นนักเล่นหุ้นคนนึง ที่หวังจะมีอิสรภาพการเงินเช่นเดียวกับคนที่ก้าวเข้าสู่ตลาดหุ้นมากมาย เขาซื้อขายหุ้นหลายร้อยตัวในหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ยังไม่เคยทำกำไรได้จริงๆซักที เขาไม่เคยย่อท้อ เขายังเชื่อว่าสักวันเขาจะต้องทำได้ แม้เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาพลาดตรงไหน !!!!!

เช้าวันเสาร์วันหนึ่ง ขณะที่เขากำลังนั่งหน้าคอมพิวเตอร์เพื่อศึกษาตลาดอยู่นั้น ลูกสาววัย 7 ขวบของเขาเดินเข้ามากระตุกชายเสื้อของเขาและพูดว่า “พ่อคะ ทำไมเราไม่รวยซักที?”

เขามองเข้าไปในนัยตาของลูกสาว และ คิดในใจว่า มันเป็นคำถามที่ตอบยากอะไรเช่นนี้ ทาไมเราถึงไม่รวยซักทีหล่ะ? เด็กน้อยยืนใจจดจ่อรอคำตอบอย่างตั้งใจ เขาอ้าอึ้งที่จะพูดว่า แม้ว่าเขาจะตั้งใจที่จะเทรดให้รวยมาตลอด 15 ปี แต่เขาก็ยังจนอยู่จนบัดนี้ เขาซื้อขายหุ้นนับร้อยตัว แต่ว่าไม่เคยทำกำไรได้เป็นเรื่องเป็นราวซักที

เขามองที่ลูกสาว แล้วถามว่า “อะไรที่ทำให้หนูคิดว่าเราไม่รวยกันหล่ะจ๊ะ ลูกรัก? ?” เธอมองกลับมาด้วยสายตาค้อนๆ พร้อมกับพูดว่า “เพราะว่าพ่อบอกว่าถ้าเรารวย พ่อกับแม่จะไม่ต้องไปทางานอีกแล้ว แต่นี่พ่อกับแม่ก็ยังทำงานตลอดเวลา” พ่อเคยบอกว่าเราจะย้ายไปอยู่บ้านริมชายหาดและเล่นที่หาดทรายทุก ๆ วัน หนูเลยอยากรู้ว่าพ่อกาลังทำอะไร แล้วเมื่อไหร่เราจะได้ย้ายไปบ้านริมชายหาดเสียที? ” คำถามของเด็กน้อย บาดลึก ไม่มีคำถามอะไรที่แทงใจดำมากกว่านี้อีกแล้ว  “เราไม่รวยเพราะว่า..... พ่อพลาด” เขาตอบในท้ายที่สุด “แล้วพ่อพลาดยังไงหรอคะ? ” ลูกสาวถามขึ้นทันที

“เอ่อ คือพ่อซื้อหุ้นในตอนที่มันกำลังจะลง และ ก็ไม่ได้ขายมันออกไปเร็วพอ และบางครั้งพ่อก็ซื้อหุ้นและขายมัน ก่อนที่ราคามันจะพุ่ง หน่ะลูก” เดวิตตอบคำถามลูกสาวตัวน้อยด้วยความรู้สึกผิด

“แล้วพ่อทำอย่างนั้นทำไมคะ?” เธอถามกลับด้วยความสงสัย เขาอึ้งคิดไปชั่วขณะเพราะไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนี้ยังไง เขาไม่มีเหตุผลที่จะซื้อหุ้นในขณะที่มันกำลังจะลง และเขาไม่มีเหตุผลที่จะถือมันไว้เมื่อเวลาราคามันลดลงไปเรื่อยๆ เขาไม่มีเหตุผลรองรับในการขายหุ้นด้วยเช่นกันในขณะที่ราคายังจะวิ่งไปต่อ ตรรกะของเธอบริสุทธิ์มาก ทำไมเขาไม่ตั้งใจทำให้มันดีกว่านี้กันหล่ะ? เขารู้ทันทีในตอนนั้นว่าสิ่งที่เขาต้องทำคือต้องเปลี่ยนแผนการเทรด !!!!!

เขาติดค้างตัวเองและครอบครัว ท้ายที่สุดเขาเลยตัดสินใจทำการเปลี่ยนแปลง ซึ่งวันแห่งความเจ็บปวดที่ผ่านมาทำให้เขานั่งเขียนแผนการเทรด กฏการเทรด เพื่อที่จะให้ชีวิตเดินหน้าต่อไป เขาเริ่มโดยการเขียน มุมมองของเขา ว่าเขาต้องการอะไรที่สุดในชีวิต และ มันจะดีแค่ไหนเมื่อเขาเป็นนักลงทุนหรือเทรดเดอร์ที่ประสบความสาเร็จแล้ว เขาเลยเริ่มมองย้อนกลับจากตรงนั้น ว่าเขาจะประสบความสาเร็จกับความฝันของเขาได้อย่างไร ????

ในจินตนาการของเขา มีแต่เพนท์เฮ้าส์ 4 ห้องนอนใกล้ชายหาด มีเฟอรารี่สีแดงสด 360 โมเดนา คอมพิวเตอร์จอพลาสม่า 80 นิ้ว ในห้องทำงานส่วนตัว บนชั้น 17 และวันหยุดที่มีเวลาให้กับครอบครัว เขาบริจาคเงินหลายล้านเหรียญให้กับองค์การกุศลเพื่อช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส เขามองเห็นภาพทั้งหมดนี้ เมื่อเขาเป็นเทรดเดอร์ที่รวยแล้ว

เขาตั้งสติและเริ่มเข้าใจแล้วว่า ปัญหาหลักที่เกิดขึ้น มันเกิดจากการที่เขากลัวว่าจะขาดทุน และก็กลัวว่าราคามันจะแพงไปจนจิตใจไม่กล้าควบคุม จนในที่สุดเขาจึงเลือกที่จะขายมันออกไปก่อนเวลาที่ควร เขาเล่นแบบเสียไม่ได้ แทนที่จะเล่นให้ชนะ !!! เขาตัดสินใจในทันทีว่าจะไม่ทำอย่างนั้นอีก เขาจะไม่ทำอะไรนอกจากทำตามแผนการเทรดที่ยอดเยี่ยมของเขา เขาตัดสินใจว่าเขาจะเข้าเทรดตามแผนและทำตามแผนที่วางไว้ เพราะว่าชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับมันแล้ว

จากคำถามที่แสนไร้เดียงสาของเด็กน้อย ทำให้เดวิตเริ่มต้นวางกฏแห่งการเทรดขึ้น ซึ่งอันดับแรกเขาจะเทรดเมื่่อมีเทรนที่ชัดเจนเท่านั้น ซึ่งเทรนจะเกิดขึ้นเมื่อแท่งราคานั้นเคลื่อนไหวอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย moving average หรือ ข้างล่างเส้นสำหรับการ short แต่ว่าราคาหุ้นต้องเคลื่อนไหวชัดเจนในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
มันเป็นกฎที่เรียบง่าย

เขาลงมือศึกษาหุ้นในกลุ่มต่าง ๆ และบันทึกรายละเอียดการเคลื่อนไหวของเทรนทุกๆวัน เขาจะเทรดทุกครั้งที่ระบบเทรดของเขาให้สัญญาณ ตั้ง Stop loss ในจุดที่คิดว่าเทรนกำลังจะเปลี่ยน และเขาจะถือ position จนกว่าเทรนจะเปลี่ยน เขาจะทำตัวเหมือนเทรดเดอร์ที่เก่ง แม้ว่าตอนนี้การเทรดของเขายังไม่ได้เป็นแบบนั้นก็ตาม ...

เมื่อเขาปิด order ในแต่ละครั้ง เขาจะต้องนั่งอธิบายกับตัวเองอีกคนในฐานะซุปเปอร์เทรดเดอร์ ว่าทำไมเขาถึงเข้าจุดนี้ และ ทำไมเขาถึงตั้ง stop loss ที่จุดนี้ และ ออกตรงจุดนี้เพราะอะไร ถ้าเขาไม่สามารถแย้งกับตัวเองอีกคนได้ว่า ทำไมเขาถึงเข้าเทรดหรือออกจากการเทรดนั่นหมายถึงชีวิตการเทรดของเขากำลังจะจบลง...

เขาเริ่มเทรดได้กำไรอย่างต่อเนื่อง เขารู้สึกว่าเขาทำได้ดี และเขาเริ่มทำเงินได้จากการเทรด เขาทราบว่าคนรวยนั้นแตกต่าง พวกเขาจะมีการตัดสินใจที่มีเหตุผลไม่ใช่อารมณ์ พวกเขาเข้าใจคุณค่าของเงิน พวกเขาให้ความเคารพเงินว่าเป็นเครื่องมือในการสร้างโลกที่ดีกว่า พวกเขาจะซื้อด้วยเหตุผลและขายด้วยเหตุผลที่ถูกต้องเช่นเดียวกัน

ในวันหนึ่ง เมื่อเขาปิด order เทรด เขารู้สึกตื่นเต้นมาก เขาบอกลูกสาวว่า “วันนี้พ่อทำกำไรได้เยอะมาก มาดูกันเร็ว”

ลูกสาวของเขามาที่คอมพิวเตอร์และดูที่จออย่างที่เขาตื่นเต้นที่จะแสดงให้เธอดู ซึ่งหุ้นที่เขาซื้อ ได้กำไร 13,000 เหรียญ เธอมองและถามพ่อว่า “ พ่อคะ มันยังขึ้นอยู่อีกไม่ใช่หรอ? ทำไมถึงขายมันแล้วหล่ะ? “ ทำไมเขาถึงออกจากเทรนในช่วงที่มันชัดเจน และทำกำไรแล้ว? เธอพูดถูก ตลาดยังคงขึ้นอยู่ ดังนั้นเขาเลยซื้อกลับอีกครั้ง เขาไม่เคยทำแบบนั้นมาก่อน และตอนนี้เขากาลังเป็นเทรดเดอร์ผู้ยิ่งใหญ่! ราคายังวิ่งต่อไปไม่หยุด เขาเลยซื้อเพิ่มทุกครั้งที่มันยังขึ้นไป จนกว่าเทรนมันจะเปลี่ยน ในที่สุดเขาทำกำไรได้ทั้งหมด 34,500$ !!!!

คำถามที่แสนธรรมดาของลูกสาว มีมูลค่ามากกว่า $20,000! นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาออกจากการเทรดแบบใช้อารมณ์ เขาปราศจากความกลัว ต้องขอบคุณคำถามของลูกสาวของเขา ...

ตอนนี้ มันถึงตาของคุณแล้ว เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดจะเปิดออเดอร์ หาเด็กซักคน แม้จะต้องยืมลูกเพื่อนบ้านแถวนั้นมา ถามเขาว่า ตอนนี้เทรนไปทางไหน แล้วอย่าเทรดทิศทางตรงกันข้าม! ถ้าการเทรดของคุณไม่เป็นระบบ ให้คุณสร้างแผนการเทรดแล้วคุณจะมีแนวทางในการตัดสินใจ สิ่งสาคัญ คือ ความกลัวนั้นเป็นบทเรียนที่แสนแพง

ถ้าคุณกลัวที่จะเสียเงิน ลด position ของคุณซะ จนกว่าความกลัวของคุณหายไป เมื่อคุณเริ่มได้กำไรซักพักแม้จะเป็นก้อนเล็กๆ คุณจะสามารถเทรดด้วยขนาดบัญชีปกติกับความมั่นใจที่เพิ่มขึ้น หลังจากนั้นคุณจึงค่อยๆเพิ่มขนาดเงินของคุณขึ้น แต่ถ้าคุณขาดทุนติดๆ กัน ลดขนาด position ของคุณลงอีก จนกว่าคุณจะกลับมาได้ และทำตามแผนการเทรดของคุณเมื่อคุณเทรดได้ต่อเนื่อง และคงที่แล้ว เงินก้อนโตจะตามมาเอง

ที่เหลือก็คือ คุณแค่ต้องลงมือทำเท่านั้น !!!!!

เรียบเรียง 2Binvestor
เครดิต : MAMay (thailandinvestorclub.com)

4 ความคิดเห็น:

  1. ผมชอบบทความพวกนี้จังเลย ขอบคุณพี่ๆ ที่ไปเอามาให้อ่าน ^^

    ตอบลบ
  2. ซึ้งมากๆครับ บทความนี้ ทำให้มุมมองของผมเปลีย่นไป ขอ อนุญาตเก็บบทความนี้ไว้นะครับ
    ผมเชื่อว่าบทความที่พี่ๆ เขียนขึ้นมันจะต้องเป็นประโยชน์กับใครหลายๆคนครับ
    ส่วนผมจะขอติดตามผลงานและเป็นกำลังใจต่อไปครับ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ16 กันยายน 2557 เวลา 00:21

    ขอบคุนค่ะ

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ17 มีนาคม 2559 เวลา 16:10

    ขอบคุณคับผม

    ตอบลบ