20 กุมภาพันธ์ 2554

แมงเม่ากับการคาดเดาตลาด


ปัจจุบัน การติดตามข่าวสารเป็นสิ่งสำคัญในการทำเงิน หรืออาจกล่าวได้ว่า ข่าวสารคือเงินและอำนาจ ดังจะเห็นได้ว่า ผู้ครอบครองสื่อสารมวลชน มักจะเป็นผู้มีอิทธิพลต่อสังคมอย่างมาก เนื่องจาก ข่าวสารต่างๆมีผลต่อความคิด การรับรู้ และความเข้าใจของประชาชน และด้วยเหตุนี้เอง ข่าวสารจึงกลายเป็นเครื่องมือในการปุกปั่นผู้คน โดยเฉพาะหุ้น ทุกวันนี้ มีข่าวเกี่ยวบริษัทจดทะเบียนหรือหุ้นรายตัวต่างๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ในหนึ่งวัน นักลงทุนจะได้รับทราบข้อมูลจากตลาด ว่าหุ้นตัวนั้นมีข่าวดี จะซื้อกิจการ จะจ่ายปันผล จะเพิ่มทุน จะมีกำไรเติบโตเท่านั้นเท่านี้ ทำให้นักลงทุนที่ขยันติดตามข่าวสารเกิดอาการท้องไส้ปั่นป่วน ใจวาบหวิว และเกิดความสนใจจะซื้อหุ้นตัวนั้นในทันที โดยหารู้ไม่ว่า ข่าวดีที่ออกมานั้น มักเกิดขึ้นหลังจากที่มีผู้ไม่ประสงค์ออกนามได้เข้าเก็บหุ้นไว้ในครอบครองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และพร้อมจะขายหุ้นเหล่านั้นออกมาเมื่อข่าวดีต่างๆ ถูกประโคมอย่างสุกงอม นี่คือสิ่งหนึ่งที่แมงเม่าหรือหน้าใหม่ทั้งหลายต้องเรียนรู้ ว่าในตลาดหุ้นก็เหมือนโลกของความเป็นจริง ที่ปลาใหญ่พร้อมจะกินปลาเล็กอยู่เสมอ.......

ที่เล่ามา เป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ ข่าวสารในปัจจุบัน ทั้งในหน้าหนังสือพิมพ์ ทีวี อินเตอร์เน็ต หรือแม้แต่บทวิเคราะห์หุ้นทั้งหลาย ที่นักวิเคราะห์มักจะเชียร์ให้ซื้อหุ้นนู้นหุ้นนี้อยู่เป็นประจำ โดยที่หลายๆครั้ง นักวิเคราะห์บางเจ้าก็ร่วมมือกับรายใหญ่เสียเองในการปั่นราคา อันนี้ ที่ต้องพูดถึงเนื่องจากอยากเตือนให้นักลงทุนทั้งหลาย พึงใช้วิจารณญาณในการอ่านและรับรู้ข่าวสาร ว่าข่าวไหนเป็น fact ข่าวไหนเป็นกระแสปลุกอารมณ์ อันนี้ต้องแยกให้ออก จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ


นอกจากนี้ ที่เห็นกันมากๆ อีกอย่างที่บรรดา นักวิเคราะห์หุ้น รวมไปถึงบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ พยายามจะนำเสนอกันก็คือ บทวิเคราะห์หุ้นรายวัน พยายามจะคาดการณ์สถานการณ์หุ้นในวันพรุ่งนี้ เดือนหน้า ไตรมาสต่อไป หรือปีหน้า ?????? จริงอยู่ว่าปัจจัยบางอย่าง สามารถประเมินได้ สามารถวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของมัน แต่???? มันจริงหรือ จากอดีตที่ผ่านมา สามารถตอบได้เลยว่า น้อยมาก ที่จะคาดการณ์ได้ ยิ่งในยุคปัจจุบันที่เศรษฐกิจ ตลาดเงิน ตลาดทุน มีความผันผวนมากกว่าในอดีต แค่เวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ หรือหนึ่งเดือน หรือแม้กระทั่งหนึ่งวัน มุมมองหรือปัจจัยต่างๆ สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างรวดเร็ว จากหน้ามือเป็นหลังมือ ดังนั้น การคาดการณ์ตลาดของผู้เชี่ยวชาญในทุกวันนี้ จึงไม่ต่างอะไรกับ หมอดู ดีๆ เนี่ยเอง


แต่ ก็อีกนั่นแหละ มนุษย์ชอบดูหมอดูเพียงใด ก็ยิ่งชอบฟังนักคาดการณ์ดัชนีหรือนักวิเคราะห์หุ้นเฉกเช่นนั้น จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นคอลัมน์ประเมินดัชนีหุ้นได้ขึ้นหน้าหนึ่งอยู่เสมอ และที่ไม่ต้องแปลกใจเลยก็คือ นักลงทุนมากกว่าครึ่งเชื่อเช่นนั้น และมากกว่าครึ่งนั่นแหละที่เรียกว่าแมงเม่า และเกินครึ่งที่ขาดทุน เพราะเหตุใดนะหรอ ก็เพราะทันทีที่กลุ่มแมงเม่าเชื่อในทฤษฎีการคาดเดาตลาด ก็จะลงมือปฏิบัติการการดวลปืนทันที ยกตัวอย่างเช่น นักวิเคราะห์มากกว่า 10 สำนัก มั่นใจว่าหุ้น ABC จะทำนิวไฮ อีกสถาบันบอกราคาต่ำกว่ามูลค่า อีกคอลัมน์บอกน่าจะมีข่าวดีในอนาคต อีกเจ้าบอก กำไรจะโต 10 เด้งในปีนี้ ฿%$^*%$&*#%& บลาบลา บลาบลา...... เมื่อนายแมงเม่าเห็นดังนั้น จึงชัดเจนในอารมณ์ หัวใจพองโต กระโดดรีบเข้าซื้อหุ้นในทันที เพราะกลัวตกรถไฟ โดยซื้อหุ้นที่นักวิเคราะห์ในทีวีให้ข่าวว่ามั่นใจเต็มร้อยว่ารอบนี้ มันมาแน่......

ผ่านไปไม่นาน หุ้นที่ซื้อไว้กับลดลงๆๆๆๆๆๆ นอกจากราคาจะไม่ไปไหน กลับลดลง สาละวันเตี้ยลง ทีนี้ เริ่มเหงื่อตก เริ่มต้องค้นหาว่า เอ่ บริษัทนี้มันขายอะไรนะ แนวโน้มดีไหมน้า กำไรดีรึเปล่า..... %@#^@! โอ๋ะ ไม่เป็นไรหรอก บริษัทดี ถือยาวก็ได้นี่ วิญญาณนักลงทุนหุ้นคุณค่าเริ่มเข้าสิง เชื่อว่าผู้อ่านหลายคนเคยเป็นเช่นนี้

สิ่งที่พูดมาทั้งหมด แค่เพียงอยากจะบอกว่า เราอาจประเมินสภาวะตลาดได้ แต่เราไม่สามารถบอกได้ว่าตลาดจะเป็นอย่างไร ดัชนีจะวิ่งไปทางไหน หรือแม้แต่หุ้นจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง สิ่งเดียวที่เราจะรู้ได้คือบริษัทที่เราสนใจ ทำธุรกิจอะไร ผลิตภัณฑ์ดีไหม ยอดขายเป็นอย่างไร กำไรล่ะดีไหม ประเมินมูลค่าคร่าวๆ บริษัทมีมูลค่าเท่าไร โดยดูจากงบอันนี้บทความต่อไปจะเล่าให้ฟัง ราคาแพงไปรึเปล่า อันนี้คิดง่ายๆ เอาราคาหุ้นหารด้วยกำไรต่อหุ้นของบริษัท (P/E) ถ้าน้อยแสดงว่าราคาถูก โดยเปรียบง่ายๆ ว่าราคาหุ้น คือ ต้นทุนที่เราจ่ายเพื่อซื้อหุ้น กำไรต่อหุ้น คือ ผลตอบแทนที่เราจะได้รับจากการซื้อหุ้น ดังนั้น เมื่อนำต้นทุนหารด้วยผลตอบแทน ก็จะได้ระยะเวลาคืนทุน โดยทั่วไป ค่า P/E นี้ ถ้าน้อยกว่า 10 ถือว่าถูก แต่ก็แล้วแต่ธุรกิจอีก เป็นเรื่องของประสบการณ์

หวังเป็นอย่างยิ่งว่า นักลงทุน จะมองหุ้นให้เป็นธุรกิจ อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น สิ่งที่ได้ฟังเท่านั้น จงเข้าใจให้บริษัทอย่างถ่องแท้ เหมือนกับเวลาที่เราจะซื้อสบู่ซักขวด ดูแล้วดูอีก เช็คโปรโมชั่น เช็คราคา เช็คปริมาตร ว่ายี่ห้อไหนถูกที่สุด อย่าให้การซื้อหุ้นเป็นเพียงการพนันไฮโลอีกต่อไป.....

"มนุษย์รู้ราคาของทุกสิ่ง แต่ไม่เคยรู้มูลค่าของอะไรเลย"

By 2Binvestor

2 ความคิดเห็น:

  1. หมายความว่า ให้ดูที่ตัวบริษัทมากกว่าการดูตามกระแสข่าวนั่นเอง

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ

    ตอบลบ