วันนี้ จึงขอพูดถึงเทคนิคการลงทุนในตลาดหุ้นในรูปแบบของการเก็งกำไรรายวัน หรืออาจจะเรียกได้ว่า Day trade จากนักเก็งกำไรมืออาชีพในตลาดหุ้น Wall Street โดยหวังว่าอาจเป็นการเพิ่มทางเลือกในการค้นหาตัวตนของคุณ รวมถึงอาจเป็นการเพิ่ม idea ในการเก็งกำไรของมือใหม่หัดเทรดได้
"ที่ผมยังอยู่ในอาชีพนี้ ก็เพราะผมชอบการเคลื่อนไหว ผมมีมันและต้องการมันอยู่เสมอ ผมชอบการเก็งกำไร มันไม่สำคัญว่าใครจะพูดถึงผมอย่างไร ตราบใดที่ผมยังทำเงินจากมันได้ หุ้นตัวไหนมีการเคลื่อนไหวผมก็จะเก็งกำไรผ่าน internet ซึ่งมันได้เปลียนแปลงชีวิตของผมไปโดยสิ้นเชิง จากไม่มีอะไรเลยเป็นดีขึ้นทุกๆอย่าง ผมสามารถทำเงินได้จากที่บ้านของผม จากบนเครื่องบิน จากในโรงแรม หรือระหว่างปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ".....มาร์ค แม็คคอร์ด
Marc Macord เริ่มเข้าสู่สนามเก็งกำไรตั้งแต่เขายังวัยรุ่น ในขณะที่เพื่อนๆของเขากำลังยุ่งอยู่กับการหาคู่นัดในคืนวันเสาร์ แม็คคอร์ด ใช้เงิน 3,500$ ที่เขาเก็บออมมาจากค่าจ้างในการส่งหนังสือพิมพ์เข้าไปเก็งกำไรในตลาดทองคำและทองแดง
"ผมเข้ามาพัวพันกับการซื้อขายในตลาดล่วงหน้าตั้งแต่เรียนไฮสคูล เพราะเพื่อนคนนึงของพี่ชายคนโตของผมเขาได้เข้าทำงานในบริษัทคอมโมดิตี้แห่งหนึ่ง เขาโทรมาหาพี่ชายผม แต่ผมเป็นคนรับสาย หลังจากได้พูดคุยกันสักพักผมก็ถูกจูงใจให้เข้าไปลงทุน ซึ่งมีกำไรก้อนมหาศาลเป็นตัวล่อ ผมตัดสินใจอย่างไม่ลังเลด้วยเงินออมทั้งหมดของผมที่มีและลงทุนไปตามคำแนะนำของเขา แต่พระเจ้า!!! เงินทั้งหมดที่ผมเก็บออมมาหลายปีจากการไล่ส่งหนังสือพิมพ์ตามชายหาด มลายหายไปภายในอาทิตย์เดียว"
แม้การเข้าไปเก็งกำไรครั้งแรกของเขาจะจบลงด้วยความล้มเหลว แต่การเก็งกำไรได้ซึมเข้าไปในกระแสเลือดของเขาเสียแล้ว เขาเริ่มเรียนรู้โครงสร้างของตลาดอย่างหนักเพื่อเข้าใจมันให้มากขึ้น วันหนึ่งอาจารย์ไฮสคูล ของเขาสังเกตเห็นว่าแม็คคอร์ดกำลังอ่านรายงานวิเคราะห์ทองคำและเงิน อาจารย์จึงสอนให้เขารู้จักกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการอ่านกราฟซึ่ง แม็คคอร์ด ยังคงใช้มาจนถึงทุกวันนี้
หลังจากนั้น เขาเริ่มเบนเข็มไปที่ตลาดหุ้น ซึ่งตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาเริ่มเรียนรู้หลายๆอย่างจากตลาดหุ้น "ผมมีความรู้สึกว่าผมต้องใช้สัญชาตญาณของตัวเองให้มากขึ้นเพราะผมไม่สามารถเชื่อใครได้ และถ้าทุกคนบอกว่าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้น ให้เชื่อได้เลยว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมามันจะต้องเป็นตรงกันข้าม!!!!"
มีนักเก็งกำไรเก่งๆหลายคน เคยกล่าวว่า การบุกที่ดีก็คือการตั้งรับอย่างแข็งแกร่ง กลยุทธ์ของเขาก็คือการสร้างกฎขึ้นมา และต่อไปนี้ คือ กฎข้อที่ 1 ของเขา "ถ้าคุณเข้าไปซื้อหุ้นและคุณเป็นมือใหม่ อย่าปล่อยให้ขาดทุนเกิน 3 ช่วงราคา ไม่ว่าหุ้นจะวิ่งไปทางไหน หลังจากที่คุณขายหุ้นออกไปแล้วอย่าไปสนใจมัน ถ้าผมซื้อหุ้นที่ราคา 110 บาท แล้วมันลงไป 108 บาท ผมจะขายทันที ผมจะไม่ปล่อยให้มันลงไปถึง 105 บาทแล้วก็ตั้งความหวังว่ามันจะดีดกลับมา ถามตัวคุณเองก่อนว่า คุณยอมเสี่ยงกี่บาทในทุกครั้งที่คุณเข้าไปซื้อหุ้น เมื่อได้คำตอบแล้วก็จงทำตามนั้น"
กฎข้อที่ 2 "อย่าปล่อยให้กำไรกลายเป็นขาดทุน" เอาเป็นว่าถ้าคุณซื้อหุ้นที่ราคา 100 บาท แล้วราคาวิ่งขึ้นไป 110 บาท ถ้าราคาตกลงมาที่ 108 บาท ผมจะขายทันที ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าถ้าคุณซื้อหุ้น 1,000 หุ้น แล้วมีกำไร 10,000 บาท ในกระเป๋า แต่คุณกลับปล่อยให่ราคาตกลงไปที่ 98 บาท นั่นเท่ากับว่าคุณทิ้งเงินไป 12,000 บาท ดังนั้นจงคว้ากำไรไว้ก่อน ไม่มีใครจนจากการได้กำไร
"ผมจะเตรียมตัวสำหรับการเก็งกำไรอย่างนี้ครับ สิ่งแรกที่ผมทำคือ การดูกราฟรายวัน ดูราคาสูงสุด ต่ำสุดในรอบ 3 เดือน หรือ 6 เดือน นั่นคือทั้งหมดที่ผมต้องการ ผมอยากรู้ว่าจุดสูงสุด ต่ำสุด แนวรับ แนวต้าน มันอยู่ตรงไหน กราฟจะบอกผมว่ามันอยู่ที่ใดและกำลังไปทิศทางไหน การอ่านกราฟต้องไล่อ่านไปทีละตัว"
"ผมจะมองดูว่าตลาดเคลื่อนไหวอย่างไร โดยปกติแล้วมักมีการเปิดช่องว่าง (Gap) ในตอนเช้าเปิดตลาด ผมต้องคอยสังเกตว่าช่องว่างถูกปิดหรือไม่ ถ้าผมเห็นว่าหุ้นตัวไหนแข็งแกร่งผมก็ปล่อยให้มันวิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ปล่อยให้พวกที่เล่นเก็งกำไรซื้อไปให้หมดก่อนแล้วรอให้ราคาปรับตัวลงมาเล็กน้อยตอนที่พ่อค้าถั่วงอก (พวกที่เก็บหุ้นก่อนใคร) ขายของออกมา หลังจากนั้นผมก็ค่อยเข้าไปตั้งซื้อหุ้นที่ผมหมายตาไว้ บ่อยครั้งที่ช่วงเปิดตลาดในตอนเช้าเอาทิศทางแน่นอนไม่ได้ ในตอนเช้าพวกเจ้ามือมักจะทำราคาไปสู่ระดับที่มันไม่ควรจะเป็น"
"คนที่จะเป็นนักเก็งกำไรต้องมีสัญชาตญาณที่ตื่นตัวตลอดเวลาสำหรับการซื้อและขายในการตัดสินใจที่จะเร่งเครื่องเข้าไปในสนามแข่งขัน ผมเฝ้ามองกราฟเป็นรายนาทีเพื่อมองทิศทางของตลาดโดยรวมและก็วาดกราฟของหุ้นตัวที่ผมจะซื้อไว้ในหัว ถ้าหุ้นตัวนั้นมีแนวโน้มขึ้นมันก็ต้องสร้างจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่ยกสูงขึ้น ผมจะตั้งซื้อเมื่อตลาดปรับตัวลดลงมาในขาขึ้น ถ้าผมซื้อได้ที่ Bid ผมก็ประหยัดไปหนึ่งช่วงราคา และถ้าผมซื้อได้ในขณะที่ตลาดปรับตัวลงมาในขาขึ้นมันก็ช่วยให้ผมลดความเสี่ยงให้น้อยลงด้วย และหากตลาดกลับตัวตรงจุดนั้นผมก็มีกำไรมากหน่อย แต่ถ้าตลาดหลุดลงไปทำจุดต่ำสุดใหม่ก็สามารถตัดขาดทุนโดยขาดทุนเพียงเล็กน้อย"
"เมื่อผมซื้อหุ้นไว้แล้วราคามันวิ่งขึ้นไปผมก็เก็บมันใส่กระเป๋าไว้ เมื่อผมซื้อหุ้นถูกจังหวะแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องรีบขายออกไป สิ่งที่ผมทำก็คือปล่อยให้มันวิ่งไปเรื่อยๆ แต่สิ่งหนึ่งที่คุณต้องระวังก็คืออย่าปล่อยให้กำไรกลายเป็นขาดทุน คุณต้องช้าๆเมื่อได้กำไร แต่ต้องว่องไวเมื่อขาดทุน"
คนส่วนใหญ่มักมองข้ามคำแนะนะที่ต้องปฏิบัติตาม พวกเขาจะมองไปที่การเคลื่อนไหวแล้วก็วิ่งไล่ซื้อหุ้นเมื่อมันวิ่งขึ้นไป พวกเขาคิดว่าเขารู้ว่าเมื่อไรที่ต้องซื้อหรือขาย หรือเมื่อไหร่ที่ต้องทำ short sell การเล่นเก็งกำไรรายวันนั้นไม่ต้องเรียนรู้อะไรมากหรอก มันเป้นของกล้วยๆ นักเก็งกำไรที่มีทัศนคติแบบนี้มันเหมือนกับยื่นดาบให้ศัตรู
ส่วนคนที่พูดว่า "ฉันรู้ว่าฉันเป็นมือใหม่และยอมเสียเงินในตอนเริ่มต้น แต่แทนที่ฉันจะขาดทุน $50,000 ฉันขอยอมสู้แค่ $5,000 เพื่อทำความเข้าใจระบบและกลไกตลาด" คนที่พูดแบบนี้ก็ถือว่าใช้ได้ แต่พวกที่พูดว่า "ฉันจะกวาดเงินในตลาดและพยายามทำเงินให้ได้วัน $5,000" คนที่คิดว่าการเก็งกำไรรายวันเป็นของกล้วยๆ ง่ายๆ คนพวกนี้แหละคือคนที่ผมอยากจะเทรดด้วย เพราะผมเพิ่งทำเงินจากคนพวกนี้มาหมาดๆ ตลาดหุ้นเป็นเกมที่มีคนได้ก็ต้องมีคนเสีย ถ้ามีคนซื้อก็ต้องมีคนขาย ถ้ามีผู้ชนะก็ต้องมีผู้แพ้
เมื่อตอนที่ผมเป็นมือใหม่ ผมซื้อหุ้นในขณะที่มันวิ่งขึ้นมาหลายช่วงตัวแล้ว ผมไม่ได้สนใจเลยว่ามันวิ่งมาจากระดับไหน และมักปล่อยให้กำไรกลายเป็นขาดทุนเสมอ หากคุณทำกำไร $3,000 ภายในวันเดียว คุณควรขายเอากำไรเข้ากระเป๋าและเดินออกจากตลาดได้แล้ว แต่การทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่ยากสำหรับผมในตอนเริ่มต้น
สำคัญที่สุดในการที่คุณจะอยู่ในธุรกิจนี้อย่างผู้ที่ประสบความสำเร็จ คือต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา อย่าหยุดนิ่งที่จะเรียนรู้เป็นอันขาด!!!!!
เรียบเรียง : 2Binvestor
เครดิต : ส่วนนึงจากหนังสือ เทคนิคเล่นหุ้นให้รวยพันล้านแบบเซียนหุ้น Wall Street
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น