17 เมษายน 2556

ปรับทัศนคติสู่การเป็นฟรีดอมเทรดเดอร์

ในหนังสือการลงทุนที่ขายดีมากที่สุดเล่มหนึ่งอย่าง Trading for a living ของ Dr. Alexander Elder ได้กล่าวถึงสัดส่วนที่มีผลต่อความสำเร็จในการลงทุนว่าจะต้องประกอบไปด้วย 3 ส่วนด้วยกัน นั่นคือ หนึ่ง ระบบเทรดหรือ indicator ต่างๆ ที่เราใช้ โดยมันจะมีความสำคัญประมาณ 10% เท่านั้น อีก 30% คือ การบริหารเงินในบัญชี หรือ Money management (MM) ส่วนปัจจัยที่มีความสำคัญมากที่สุด ก็คือ Psychology ที่มีผลต่อการเทรดมากถึง 60% !!!!!


แต่ในโลกของความจริง พบว่า เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ มี mindset ในการเทรดที่มีสัดส่วน "ผกผัน" กับแนวคิดดังกล่าว พวกเขาให้ความสำคัญกับระบบและเครื่องไม้เครื่องมือมาก่อนเป็นอันดับหนึ่ง เพราะมันเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะจับต้องได้ เขาคิดว่าการลงทุนมันเป็นตรรกะ สูตรคำนวณหรือระบบต่างๆ สามารถบอกได้ว่าตลาดจะไปทางไหนได้อย่างแม่นยำ ดังนั้น พวกเขาจึงทุ่มเทการเรียนรู้เพื่อจะเป็นเทรดเดอร์โดยการศึกษาเทคนิคคอลอย่างขมักเขม่น ด้วยความหวังที่ว่า เมื่อใดที่เขารู้เกี่ยวกับ indicator , รูปแบบของราคา , นับคลื่นเป็น รู้แนวรับแนวต้าน บลา บลา บลา เขาก็สามารถจะประสบความความสำเร็จในการเทรด แต่จนแล้วจนรอด เขาเหล่านี้แม้จะแตกฉานในเกมส์กราฟ แต่ก็หาประสบความสำเร็จดังที่หวังไม่

ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่รู้ว่า ปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จในการเทรด นอกเหนือจากเทคนิคคอล ก็ยังมี Money Management  และ เรื่องของจิตวิmยา แต่ว่าปัจจัยทั้งสองอย่าง มันเป็นอะไรที่เรียนรู้ได้ยากกว่า โดยเฉพาะเรื่องจิตวิยาการลงทุน......

การเรียนรู้ เรื่อง money management ที่ดีนั้น แม้จะสามารถเข้าใจได้ สามารถตั้งกฎส่วนตัวได้ ว่าแต่ละไม้ที่เทรดจะลง margin ไม่เกินกี่ % ของพอร์ต และขาดทุนได้ไม่เกินกี่ % แต่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่กลับไม่สามารถทำตามกฎที่ตัวเองตั้งได้ บางคนพยายามจะมี MM ที่ดีแต่เวลาเข้าสู่สนามเทรด เห็น leverage เยอะๆ ก็อดใจไม่ไหว ลืมตัวทุกที จนต้อง over trade และล้างพอร์ตในที่สุด มันเป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายแต่ทำไม่ได้สักที

ส่วนในเรื่องจิตวิทยาการลงทุน นั้นยิ่งแย่ใหญ่ นอกจากจะเข้าใจยากแล้ว การเรียนรู้มันกับยากยิ่งกว่าเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าจะเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร เพราะมันค่อนข้างเป็นเรื่องนามธรรม เวลาพูดอาจดูสวยหรู แต่ยากจะจับเอามาเรียนรู้ได้ อันนี้เป็นเรื่องที่ประสบการณ์การจะสอนคุณ 

และเพราะเหตุนี้เอง เทรดเดอร์ส่วนใหญ่จึงพยายามมองข้ามสิ่งที่ยากๆไป เรียนรู้เฉพาะในสิ่งที่ง่ายๆ พยายามไม่สนใจแนวคิดที่ว่า ความสำเร็จจากการลงทุนนั้นมันต้องมาจากไอ้ส่วนที่ยากๆ นั้นแหละ พวกเขาพยายามหลอกตัวเองว่าแค่เทคนิคคอลชั้นสูงที่ตัวเองมี กับความเข้าใจเรื่อง money management และ จิตวิทยาการลงทุนนิดๆหน่อยๆ ก็เพียงพอจะให้พวกเขาประสบความสำเร็จได้แล้ว

พวกเขาพลาดอะไรไป ? พวกเขาอาจคิดว่ากำไรที่ทำได้ในวันนี้มันสามารถทดสอบได้แล้วว่า เขาสามารถอยู่ในตลาดแห่งนี้ด้วยเทคนิคคอลที่เขามีได้ แต่เขาไม่รู้หรอกว่าแท้จริงแล้ว การที่เขาขาดซึ่งหัวใจหลักในการลงทุนอย่าง money management และ  Psychology  นั้น จะทำให้เขาต้องถูกถีบออกจากตลาดไป ไม่วันใดก็วันหนึ่ง มันไม่สำคัญหรอกว่าวันนี้คุณจะมีกำไรเท่าไร แต่คุณจะอยู่ในตลาดอันโหดร้ายแห่งนี้ได้อย่างไรในระยะยาวต่างหากที่สำคัญกว่า เวลาเท่านั้นจะตัดสินว่าใครแกร่งจริงในตลาดแห่งนี้  

หลายๆ คนมองว่าการที่จะสำเร็จในการลงทุนนั้น ต้องทำกำไรได้เยอะๆ อย่างรวดเร็วเท่านั้น ยิ่งเร็วยิ่งดี เขาอยากอยู่บนทางด่วนสู่อิสระภาพทางการเงิน เขาจึงใช้รูปแบบการเทรดแบบ High risk เทรดลักษณะวัดดวง ได้ก็ได้เยอะแต่ถ้าเสียก็สาหัส ไม่ต่างอะไรไปกับการพนัน เพราะเขาเชื่อในกฎ "high risk high return" เขาวางทัศนคติแบบนี้ไว้ในตัว ทำให้รูปแบบการเทรดออกมาแบบสุ่มเสี่ยงตลอดเวลา วันนี้คุณอาจได้กำไรมหาศาล แต่ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้คุณอาจล้มละลายก็ได้ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรที่คุณจะขับรถบนทางด่วนด้วยความเร็ว 200 กม/ชั่วโมง แต่คุณไปไม่ถึงจุดหมาย

ดังนั้น หากคุณอยากจะยืนอยู่ในอาชีพนี้ได้อย่างยั่งยืน คุณจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะปรีบเปลี่ยน master plan หรือ ทัศนคติในตัวคุณที่ว่า High risk High return ซะก่อนและตระหนักใหม่ว่า high return อาจไม่จำเป็นต้องมาจาก high risk และสิ่งที่จะทำให้คุณควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในระดับต่ำได้ก็ถือการมี mindset ที่ถูกต้อง money management ที่ดี และแน่นอนระบบที่เหมาะสมกับตัวคุณ คุณต้องผสานสามสิ่งนี้ไปด้วยกันอย่างลงตัว  

จริงๆ แล้วมันไม่มี Success formula หรอกว่า "ทัศนคติสู่ความสำเร็จ" หรือ Winning attitude นั้น ควรเป็นอย่างไร มีสัดส่วนเท่าไร เพราะแต่ละคนมีพื้นฐานชีวิตที่ต่างกัน ลักษณะนิสัยและเงินทุนที่ต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือหากคุณอยากอยู่ในตลาดแห่งนี้อย่างยั่งยืน อยากจะยึดอาชีพ freedom trader คุณต้องมีทัศนคติที่จะทำให้พอร์ตของคุณเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ใช่เร่งรวยจนหมดตัวซะก่อน!!!!!!

แต่การเปลี่ยนทัศนคตินี่แหละที่ยากที่สุด เพราะมันเหมือนกับการค้นหาตัวเองใหม่ (Re-discover yourself) ซึ่งไม่มีใครบอกได้ว่าทัศนคติที่เหมาะกับแต่ละคนควรเป็นอย่างไร คุณต้อง "หาเอง" เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ล้วนเผชิญกับการขาดทุนอย่างหนักมากก่อน เพราะเหตุการณ์วิกฤติในชีวิตมันมักจะเป็นจุดเปลี่ยนให้กับเจ้าตัวทัศนคติของเรามีความถูกต้อง ดังนั้น หากวันนี้คุณยังขาดทุนอยู่ ก็ขอให้รู้ว่าคุณได้เดินมาถูกทางแล้ว มันแค่อาจยังไม่ใช่จุดวิกฤติในชีวิตของคุณมากพอที่จะเปลี่ยนทัศนคติคุณได้เท่านั้นเอง 

ขอให้เทรดเดอร์ทุกคนโชคดี
2Btrader

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น