Edward Arthur Seykota หนึ่งในตำนานเซียนหุ้นระดับโลก สไตล์ Trend Following เหตุผลที่หลายคนยกให้เขาเป็นตำนาน ก็เพราะว่า หากคุณเริ่มลงทุนกับกองทุนของเขาตั้งแต่ปี 1972 เมื่อผ่านไป 16 ปี คือในปี 1988 เงินของคุณจะเพิ่มขึ้นถึง 250,000% หรือ 2,500 เท่าทีเดียว !!!!!!!!!! นอกจากนี้เค้ายังได้รับการยกย่องให้เป็นบิดาของ System trader เพราะเขาเป็นเทรดเดอร์คนแรกที่พัฒนาระบบการซื้อขายบนคอมพิวเตอร์ โดยต่อยอดมาจากทฤษฎีของ Richard Donchian และนำมาใช้จริงกับตลาดซื้อขายล่วงหน้าในระหว่างทศวรรษ 1970 เขาเป็นหนึ่งในเทรดเดอร์ที่อยู่ในหนังสือขายดีตลอดกาลอย่าง "Market Wizards" ของ Jack D. Schwager
Ed ทำงานที่บ้านของเขาเอง ซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลสาบ Lake Tahoe เขาจะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีต่อวันในการทำงาน นั่นคือ การเปิดโปรแกรมและค้นหาสัญญาณซื้อขายเท่านั้น โดยในหนังสือ Market Wizards นั้น Jack D. Schwager ได้กล่าวถึง Ed ว่าเขามีลักษณะที่ไม่เหมือนใคร เขาฉลาดมากและมีวิธีมองสิ่งต่างๆ ในมุมที่แตกต่างออกไป โดยแนวคิดจากบทสัมภาษณ์ของเขาในหนังสือเล่มนี้มีหลายอย่างที่น่าสนใจ ดังนี้
- ระบบเทรดสามารถปรับเปลี่ยนได้ แต่ไม่ใช่เพราะว่าระบบจำเป็นต้องถูกปรับเปลี่ยนตลอดเวลา แต่เป็นเพราะ "Trader จำเป็นต้องพัฒนาหรือปรับปรุงระบบให้เหมาะสมกับตัวเองที่สุด"
- Systematic trading แท้จริงแล้วก็เป็น Discretionary trade เพราะในท้ายที่สุด เทรดเดอร์ก็คือผู้ตัดสินใจว่าจะกำหนดความเสี่ยง และ Position size เท่าใด จะเลือกลงทุนในตลาดใด และจะเพิ่มหรือลดพอร์ทลงทุนเร็วหรือช้าแค่ไหน การตัดสินใจเหล่านี้สำคัญ และบ่อยครั้งสำคัญกว่าระบบเทรดด้วยซ้ำไป
- Ed ไม่เชื่อว่าเมื่อคนใช้ระบบเทรดที่เป็น Trend following กันมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วสุดท้ายมันจะใช้ไม่ได้อีกต่อไป เขามองว่าผลตอบแทนของระบบแบบ Trend Following นั้นมีการเปลี่ยนแปลงเป็นวัฏจักร คือมีทั้งช่วงที่กำไรมาก กำไรน้อย รวมทั้งขาดทุน โดยในช่วงที่ระบบแสดงผลตอบแทนสูงๆนั้น จะมีคนแห่มาใช้ตามกันมาก จนถึงช่วงเวลานึง ที่ตลาดเปลี่ยนจากการวิ่งเป็นเทรนไปเป็น Sideways ทำให้ระบบเหล่านี้สร้างผลตอบแทนที่ไม่ดีหรือขาดทุน เทรดเดอร์ที่ขาดประสบการณ์ก็จะถูกเขย่าออกไปจากตลาด โดยกล่าวโทษว่าเป็นเพราะคนใช้ระบบนี้กันเยอะเลยทำให้มันใช้ไม่ได้อีกต่อไป ดังนั้น ในเรื่องความยั่งยืนของระบบ ตัวเทรดเดอร์เองนั่นแหละที่เป็นปัจจัยสำคัญของความสำเร็จ
- สิ่งสำคัญที่สุด 3 อย่างที่ต้องรู้ในการเทรด เรียงจากมากไปน้อยได้แก่ การรู้แนวโน้มของเทรนระยะยาว, เข้าใจรูปแบบของกราฟในปัจจุบัน และจุดเข้าออก ส่วนปัจจัยที่ 4 ซึ่งสำคัญน้อยกว่า คือข้อมูลพื้นฐาน เขาไม่เชื่อในการวิเคราะห์พื้นฐานเลยเพราะข้อมูลพื้นฐานเหล่านี้จะ Discounted ในราคาอยู่แล้ว เขาเปรียบกราฟเหมือนกับคลื่นในทะเล ในการเล่นกระดานโต้คลื่นเราไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องกฏฟิสิกส์ของคลื่นหรือการขึ้นลงของระดับน้ำทะเล ขอเพียงแค่เรารู้ว่าเมื่อลูกคลื่นมาถึง เราจะโต้ลูกคลื่นได้อย่างไรก็พอ
- เขาไม่เคยเชื่อคำแนะนำจากนักวิเคราะห์ โดยเฉพาะพวกที่ชอบฟันธงว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เขาเชื่อว่าความพยายามที่จะอธิบายหรืออ่านพฤติกรรมตลาด ไม่มีประโยชน์อะไรเลยถ้าพวกเขาเหล่านั้นทำเงินจากมันไม่ได้
- Ed ไม่ชอบที่จะจดจำเรื่องราวในการซื้อขายที่ผ่านมา เพราะประสบการณ์เหล่านี้มักส่งผลลบ ไม่ว่าจะเป็นความภูมิใจ ความกลัว ความหวัง ความโลภ เมื่อเขาขาดทุนเขาจะ Cut Loss ทันทีที่ถึงเวลาต้องทำและลืมมันซะ จากนั้นก็หันไปหาสัญญาณหรือโอกาสซื้อขายอันใหม่
- กฎ 3 ข้อที่สำคัญที่สุดของการเทรดที่ดี คือ ตัดขาดทุน ตัดขาดทุน และ ตัดขาดทุน ถ้าคุณปฏิบัติตามกฏ 3 ข้อนี้ได้ คุณจะมีโอกาสที่จะเจอ Good Trading เอง เมื่อเขาขาดทุนติดต่อกันหลายๆครั้ง เขาจะลดการซื้อขายลง แล้วรอ..... จำไว้ว่าความพยายามจะซื้อขายในช่วงนั้นจะเป็นบ่อนทำลายจิตใจคุณเอง และการพยายามจะเอาคืนนั้นอันตรายอย่างถึงที่สุด
- Ed ตั้งจุด Stop Loss ทุกครั้งที่เริ่มซื้อขายและขยับจุด Stop Loss ทุกครั้งเมื่อราคาขยับไปเรื่อย ๆ ในบางครั้งเมื่อตลาดผันผวนมากๆ เขาจะตัดสินใจปิดทำกำไรไปก่อน เพื่อลดการเหวี่ยงทั้งของพอร์ทและอารมณ์ จำไว้ว่า การขาดทุนจะทำให้เรามีอารมณ์ แต่การควบคุมสติไม่ได้จะทำให้เราเสียหายอย่างหนัก Ed จะพยายามคุมความเสี่ยงให้เสียหายไม่เกิน 5% ในแต่ละการเทรด
- กฏการซื้อขายส่วนตัว 5 ข้อของ Ed คือ Cut loss (ตัดขาดทุนให้เป็น) Ride winner (ถือตัวที่กำไรไปจนสุดเทรน) Keep bet small (คุมความเสี่ยงให้ต่ำเข้าไว้) Follow the rule without question (ทำตามกฏอย่างไม่มีข้อสงสัย) และ Know when to break the rule (รู้ว่าเมื่อใดควรจะแหกกฏ) กฏ 2 ข้อหลังนี้มันดูขัดแย้งกันเอง แต่ Ed บอกว่าเขาเชื่อในทั้งสองข้อนี้ "แม้ส่วนใหญ่ผมจะทำตามกฎ แต่หลังจากที่ผมเรียนรู้มาซักพัก ผมพบว่า ผมมักจะเจอวิธีการเทรดใหม่ๆ ที่เข้ากับตัวผมมากกว่า "ผมเน้นนะครับว่า เข้ากับตัวผมมากกว่า ไม่ใช่ดีกว่า" หลังจากนั้น ผมก็แหกกฏเก่าของผม ! เพราะผมเชื่ออย่างนึงว่า... เทรดเดอร์ไม่สามารถทำตามระบบได้ต่อเนื่อง ถ้าหากระบบนั้นไม่ใช่ตัวเอง หรือมันขัดกับความรู้สึก สุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนอยู่ดี ! นี่แหละคือ "พัฒนาการ และ การเติบโต" ของเทรดเดอร์
- Ed ไม่มีคอมพิวเตอร์ที่แสดงราคาบนโต๊ะทำงาน เขาบอกว่าการเฝ้าดูราคาที่เปลี่ยนแปลงแบบ Real time ไม่ต่างอะไรกับการมองดู Slot Machine ที่สุดท้ายคุณก็อดไม่ได้ที่จะต้องเล่นมัน Ed จะเอาข้อมูลราคามาดูเมื่อตลาดปิดแล้วเท่านั้น
- ในตลาดหุ้นนั้น “ทุกคนได้สิ่งที่เขาต้องการจากตลาด” (Everybody gets what they want out of the market) เชื่อหรือไม่ นักลงทุนบางคนชอบที่จะขาดทุน Ed รู้จักนักลงทุนคนหนึ่ง ที่ทำกำไรได้มากในช่วงขาขึ้น แต่สุดท้ายก็เสียกำไรที่ได้มาทั้งหมดไป สิ่งนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ครั้งหนึ่ง Ed บอกให้นักลงทุนคนนั้นเอาเงินมาลงทุนกับบริษัทของเขาแทน โดย Ed ยอมจ่ายค่าบริหารกองทุนให้ด้วย แต่เขากลับไม่เอา Ed มองว่าเขาไม่สามารถเปลี่ยนวิธีการซื้อขายของคนๆนี้ได้ และมั่นใจว่าคนๆนี้ก็ไม่ต้องการจะเปลี่ยน เพราะการลงทุนนั้นทำให้เขาได้ทั้งความตื่นเต้น ได้เป็นฮีโร่ผู้ยอมพลีชีพ ได้ความสงสารเห็นใจจากเพื่อนรอบข้าง และได้เป็นจุดสนใจของคนอื่น ไม่แน่ว่าแท้จริงแล้ว นี่คือสิ่งที่เขาต้องการก็เป็นได้ Jack Schwager ให้ความเห็นว่า วลี “ทุกคนได้สิ่งที่เขาต้องการจากตลาด” เป็นแนวคิดที่แม้จะแฝงด้วยการประชดประชัน แต่เป็นสิ่งที่ Ed Seykota จริงจังไม่ได้พูดเล่น ผู้แพ้ทุกคนอาจต้องการจะแพ้ตั้งแต่แรกแล้ว เขาเหล่านั้นเข้ามาในตลาดเพื่อสิ่งอื่นนอกเหนือจากกำไร แม้ว่าคำกล่าวนี้ยากที่จะทำใจให้ยอมรับได้ แต่สิ่งเหล่านี้ก็เกิดขึ้นจริง
กำลังใจสำหรับมือใหม่
"การเล่นหุ้นมันดูเหมือนง่าย คุณแค่คลิกก็สั่งซื้อขายได้แล้ว แต่สิ่งที่อยู่เบื้องหลังการคลิกนั้นมักยากและลึกซึ้งกว่ามาก เพราะในโลกนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ นักลงทุนในตลาดส่วนใหญ่ล้มเหลว ไม่ต่างอะไรกับลูกเต่าจำนวนหลายร้อยเหลือรอดจนโตเต็มวัยเพียงไม่กี่ตัว แต่สิ่งที่จะทำให้คุณแตกต่างจากคนส่วนใหญ่บนโลกใบนี้น่ะหรอ......ผมว่ามันก็เหมือนกับการจะเป็นนักกีฬา คุณต้องตั้งใจและทุ่มเทเพื่อเป้าหมายของคุณ เมื่อคุณทุ่มเทให้กับมันอย่างถึงที่สุดแล้ว ก็จะมีบางอย่างที่คุณคาดไม่ถึงมาช่วยผลักดันให้คุณไปถึงความฝันได้เอง"
"และสิ่งที่ทำให้ผมประสมความสำเร็จในตลาดอันโหดร้ายนี้ ... ผมคิดว่ามันคือ ความรักในอาชีพนี้ ผมหลงใหลในการเทรด
ผมไม่เหมือนกับนักลงทุนทั่วๆไป เพราะผมไม่เคยคิดว่ามันคือ งานอดิเรก
ไม่เคยคิดที่จะทำงานอื่นเลยนอกเหนือจากการเทรด มันคือชีวิตของผม !!!!!! ดังนั้นจึงไม่น่าแปลก ที่ผมจะสร้างสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อชีวิตของผม .......
เรียบเรียง : 2Btrader
หนังสือ Market Wizard และส่วนหนึ่งจาก Hoontoday.com
ชอบมากครับ
ตอบลบ