9 มิถุนายน 2555

Review หนังสือ "บัฟเฟตต์-โซรอส ลงทุนถูกนิสัย ยังไงก็ชนะ"

ในหนังสือชื่อ The Winning Investment Habits of Warren Buffett and George Soros "บัฟเฟตต์-โซรอส ลงทุนถูกนิสัย ยังไงก็ชนะ" เขียนโดย Mark Tier และมีการเรียบเรียงเป็นภาษาไทยด้วยภาษากวนๆ เข้าใจง่าย โดยคุณชัชวนันท์ สันธิเดช และ สุภศักดิ์ จุลละศร

Mark Tier ได้นำเสนอเรื่องราวของผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในแวดวงการเงิน ผู้มีอัฉริยภาพทางการลงทุนที่ร่ำรวยที่สุดในโลกทั้ง วอรเรน บัฟเฟตต์ และจอร์จ โซรอส แม้ทั้งสองจะมีเส้นทางอาชีพที่แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน บัฟเฟตต์ชอบซื้อหุ้นและธุรกิจในราคาถูกด้วยเงินสด และชอบที่จะถือหุ้นนั้น "ชั่วนิรันดร์" ขณะที่โซรอสมีชื่อเสียงด้านการเก็งกำไรที่รวดเร็วฉับไว และใช้เงินที่กู้ยืมมาเก็งกำไรในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตรา แต่พวกเขาทั้งสองกลับมีบางสิ่งบางอย่างที่เหมือนกัน โดย Mark Tier ได้แสดงให้เห็นว่า บัฟเฟตต์และโซรอส ต่างฝึกฝน อุปนิสัยทางจิตใจและกลยุทธ์ชนิดเดียวกัน หล่อหลอมจนเป็นทัศนคติในแบบเดียวกันอย่างไม่น่าเชื่อ

ส่วนหนึ่งในหนังสือเล่นนี้ Mark Tier ได้พยายามชี้ให้เห็นถึงปรัชญาการลงทุนและความเชื่อที่เหมือนกันของบัฟเฟตต์และโซรอส ซึ่งแตกต่างจากนักลงทุนทั่วไป โดย Mark Tier กล่าวว่าสิ่งนี้กลายเป็นเส้นแบ่งระหว่างผู้แพ้และผู้ชนะในการลงทุนออกจากกัน Mark Tier บอกว่านักลงทุนทั่วไปส่วนใหญ่ต้องเจ็บตัวเพราะมีความเชื่อที่ผิดๆ เกี่ยวกับวิธีที่จะประสบความสำเร็จในการลงทุน ซึ่งเขาพบว่าความเชื่อเหล่านั้น เป็นสิ่งที่ปรมาจารย์ในการลงทุนของโลกแทบทุกคน โดยเฉพาะบัฟเฟตต์และโซรอส "ไม่เชื่อ" ดังนั้นหากคุณอยากจะประสบความสำเร็จเฉกเช่นเดียวกับ บัฟเฟตต์และโซรอส คุณต้องลบความเชื่อผิดๆเหล่านั้นทิ้งไป

โดยความเชื่อผิดๆ ดังกล่าว เขาเรียกมันว่า “บาปมหันต์ 7 ประการ” ซึ่งประกอบด้วย

บาปมหันต์ข้อที่ 1. เชื่อว่า คุณจะต้องคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของตลาดได้ จึงจะทำกำไรได้
แน่นอนว่าการรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าย่อมที่จะทำให้เกิดผลกำไร แต่ในความเป็นจริงไม่มีใครสามารถคาดเดาอนาคตได้ถูกต้องอยู่เสมอ

โซรอส : "ความสำเร็จทางการเงินของผม ดูเหมือนจะสวนทางกับความสามารถในการพยากรณ์ตลาด"

บัฟเฟตต์ : "การพยาการณ์จะบอกเราได้แค่ว่า นักวิเคราะห์คนนั้นเป็นคนอย่างไร แต่ไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับอนาคตเลย" (บัฟเฟตต์หนักกว่าโซรอสตรงที่เขาแทบไม่เคยพยาการณ์อะไรเลย)

ความจริง : สิ่งที่ผู้ชนะสนใจจึงไม่ใช่ข้อมูลในอนาคตแต่กลับเป็นข้อมูลที่เป็นความจริงในปัจจุบันต่างหาก โดยเขาทั้งสองน่าจะเป็นสองคนแรกที่พร้อมจะยอมรับว่า ถ้าการลงทุนต้องอาศัยการคาดการณ์อนาคต พวกเขาก็คงจะเจ๊งหมดตัวไปแล้ว

บาปมหันต์ข้อที่ 2. เชื่อ "กูรู"
นักลงทุนหลายคนเชื่อว่า ถ้าฉันพยากรณ์ตลาดไม่ได้ ก็ต้องมีคนอื่นที่ทำได้ สิ่งที่ฉันต้องทำ คือหาคนคนนั้นให้เจอ
ความจริง : หากคุณพยากรณ์ได้จริง คุณจะเที่ยวไปป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ทำไมล่ะ คุณคงเงียบสนิทและแอบทำเงินอยู่คนเดียว จริงไหม

บาปมหันต์ข้อที่ 3. เชื่อว่า ข้อมูลวงใน จะช่วยทำเงินได้มหาศาล
ความจริง : บัฟเฟตต์คือนักลงทุนที่รวยที่สุดในโลก แหล่งข้อมูลในการลงทุนที่เด็ดที่สุดของเขา คือ รายงานประจำปี

ตอนนี้บัฟเฟตต์และโซรอสมีชื่อเสียงแล้ว ทำให้เขาสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลได้ทุกระดับ แต่เมื่อเทียบกับตอนที่ยังไม่มีใครรู้จักเขา เขาสามารถทำผลตอบแทนจากการลงทุนได้มากกว่าตอนนี้ซะอีก นั่นแปลว่าถ้าตอนนี้ทั้งสองมีข้อมูลวงในอะไรอยู่จริง มันก็คงไม่ได้มีประโยชน์อะไรนักหรอก

บัฟเฟตต์ :" หากมีเงินในมือเป็นล้านๆเหรียญ แล้วทำตามข้อมูลวงในเรื่อยๆ คุณอาจหมดตัวได้ภายในปีเดียว"

บาปมหันต์ข้อที่ 4. กระจายการลงทุน
ความจริง : สถิติที่น่าทึ่งของบัฟเฟตต์มาจากการวิเคราะห์หาบริษัทที่ยอดเยี่ยมประมาณแค่ครึ่งโหล และลงทุนเต็มเม็ดเต็มหน่วยในบริษัทเหล่านั้น

โซรอสบอกว่า สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่คุณทำผิดหรือถูก อยู่ที่ว่าคุณทำเงินได้แค่ไหนเวลาคุณตัดสินใจถูก และเสียเงินเท่าไรเมื่อตัดสินใจผิด

การกระจายการลงทุนเป็นสิ่งที่ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงจากเซียนการลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด

บาปมหันต์ข้อที่ 5. เชื่อว่าคุณต้องเสี่ยงมาก หากจะทำกำไรได้มากๆ
ความจริง : เช่นเดียวกับผู้ประกอบการหรือนักธุรกิจ นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จไม่ชอบเสี่ยงเช่นกัน เขาจะทำทุกอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงความเลี่ยง สุดยอดนักลงทุนจะลงทุนก็ต่อเมื่อเขามั่นใจจริงๆ เท่านั้น

บาปมหันต์ข้อที่ 6. เชื่อว่ามี "ระบบ" การลงทุนหรือมีใครสักคนในโลกนี้ที่สามารถพัฒนาระบบซื้อขาย อาจเป้นการวิเคราะห์ทางเทคนิค พื้นฐาน โดยใช้คอมพิวเตอร์หรือโหราศาสตร์ที่สามารถรับประกันผลตอบแทนได้อย่างแน่นอน
ความจริง : ความเชื่อลักษณะนี้ทำให้คนที่ทำระบบเทรดสำเร็จรูปร่ำรวยมหาศาล แต่ไม่ใช่จากการลงทุนตามระบบแต่รวยมาจากการขายระบบนั้นให้นักลงทุนทั่วไป

บาปมหันต์ข้อที่ 7. เชื่อว่าคุณรู้ ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต และมั่นใจว่าตลาดจะเป็นอื่นไปไม่ได้
ความจริง : ความเชื่อในลักษณะนี้เป็นองค์ประกอบที่ทำให้เกิดความบ้าคลั่งในการลงทุน แต่เชื่อเหอะว่าเมื่อใดที่เกิดความมั่นใจในระดับนี้ มันมักจะเป็นจุดกลับตัวแล้ว

นอกเหนือจากความเชื่อผิดๆ เหล่านี้แล้ว ในหนังสือเล่มนี้ Mark Tier ยังชี้ให้เราเห็นถึงอุปนิสัยแห่งชัยชนะของการลงทุนหรือหลักในการลงทุนของทั้งบัฟเฟตต์และโซรอสที่เหมือนกันไว้มากมาย อาทิ ต้องรักษาเงินต้นไว้ให้ได้ก่อน, ถ้าไม่มีอะไรทำ ก็อย่าทำอะไร,รู้ว่าจะขายเมื่อไรก่อนที่จะซื้อ,ถ้าไม่รู้ว่า say YES ดีไหม ก็ say NO ไว้ก่อน ,จงยอมรับข้อผิดพลาดของตัวเองและเรียนรู้จากความผิดพลาด หรือ จงกินอาหารที่คุณทำเอง และหลักอื่นๆอีกหลายข้อ ที่ Mark Tier พยายามหยิบยกบทสัมภาษณ์ของบัฟเฟตต์และโซรอสมาสนับสนุนหลักการเหล่านี้ ซึ่งในส่วนนี้ ผู้อ่านคงต้องไปติดตามอ่านในหนังสือต่อไปเพราะคงไม่สามารถแจกแจงได้อย่างครบถ้วน ^^แต่ผู้เขียนเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ถ้าอ่านหนังสือเล่นนี้จบแล้วคุณจะพบว่า เรื่องของการลงทุนนั้น “สมอง” เป็นรอง “นิสัย” และ “ใจ” ต่างหาก ที่สำคัญที่สุด

By 2Binvestor
หมายเหตุ : ผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาชี้นำใดๆ และไม่มีผลประโยชน์จากการ review ทั้งสิ้น จุตประสงค์เพียงเพื่อต้องการให้นักลงทุนได้ไอเดียการลงทุนและทราบเนื่อหาคร่าวๆ ก่อนจะควักเงินซื้อหนังสือเท่านั้นเองงงง.........

2 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณมากครับ อยากให้อัพเดทบทความดีๆต่อไปครับ

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณมากครับ อยากให้อัพเดทบทความดีๆต่อไปครับ

    ตอบลบ