30 มีนาคม 2555

"ชิณณ์" ผู้ชนะหุ้นสิบทิศ กับเทคนิคการลงทุนที่ไม่ธรรมดา

วันนี้พาทุกคนมารู้จักกับเซียนหุ้น ฉายา ผู้ชนะหุ้นสิบทิศ "ชิณณ์ กิตติภานุวัฒน์" กับเทคนิคการลงทุนที่ไม่ธรรมดา......

จากเด็กที่ครอบครัวประสบปัญหาล้มละลาย ไม่มีแม้กระทั่งไม้บรรทัดไปโรงเรียน ครอบครัวต้องย้ายบ้านไปเรื่อยๆ เพื่อหนีเจ้าหนี้ ทำให้เขาตั้งใจว่าสักวันจะต้องร่ำรวยให้ได้ เพราะเจ็บแค้นกับชีวิตที่รันทดในวัยเด็ก

วันนี้ ชิณณ์ ผันตัวจากมาร์เก็ตติ้งหุ้น มาสู่นักลงทุนหุ้นอิสระในวัยเพียง 30 ต้นๆ กับพอร์ตหุ้นหลัก 100 ล้าน

ชิณณ์เริ่มลงทุนตอนเรียนอยู่ปีสาม โดยเขาซื้อหุ้นตัวแรก ก็โชคร้ายเจอเหตุการณ์ 9/11 แต่ช่วงแรกลงทุนโดยใช้เงินเก็บที่มีอยู่เล็กน้อย จึงเสียหายไม่มาก หลังจากนั้นเขาตื้อ ขอเงินเก็บทั้งหมดของครอบครัวจำนวน 5 แสนบาทมาใช้ลงทุน เขาตื้ออยู่นานจนพ่อใจอ่อนให้เขายืม สุดท้ายเขาขาดทุนไป 3 แสน!!!!!

ระหว่างนั้นเขาต้องพยายามปิดบังพ่อเพราะกลัวพ่อรับไม่ไหว ชิณณ์ ใช้เวลา 1 ปี ทำให้พอร์ตกลับมาเป็น 5 แสน เขารีบนำเงินไปคืนพ่อทันที และตัดสินใจว่า เขาจะไม่ใช้เงินของครอบครัวเล่นหุ้นอีกแล้ว !!!!!!


หลังจากเรียนจบจากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เขาใช้เวลาหนึ่งปีศึกษาหุ้นอยู่ที่บ้าน หลังจากนั้นจึงได้เข้าทำงานเป็นมาร์เกตติ้งในโบรกเกอร์ธนชาต โชคดีในช่วงแรกๆที่เขาเข้าทำงาน เป็นช่วงที่ตลาดบูมสุดขีดทำให้เขาได้ค่าคอมมิสชั่นเกือบแสนบาทต่อเดือน เขาทำงาน 3 เดือน ก็ได้เงินเก็บมาสามแสนบาท

"ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ตลาดที่สุดแล้วครับ หลังจากนั้นผมก็ได้น้อยลงเรื่อย ๆ เดือนละสองหมื่น สามหมื่น"

เขาใช้เงินที่ได้จากค่าคอม 3 แสนบาทนั้น มาลงทุนในหุ้นอย่างจริงจัง

"นั่นเป็นจุดเริ่มต้นครับ ผมนำเงินเก็บนั้นไปลงทุนในหุ้นเดินเรือ ภายในสามเดือนได้กำไร 500% จากเงิน 3 แสนกลายเป็นล้านห้าครับ"

หลังจากทำงานที่ธนชาตได้ 6 ปี ชินจึงลาออกจากงานประจำกับมูลค่าพอร์ตหุ้นในขณะนั้น 30 ล้าน!!!!!!

"จนถึงตอนที่ออกจากงาน พอร์ตผมโตเป็น 30 ล้าน!!!!!"

ปัจจุบันเขาออกจากงานประจำมาได้ 3 ปีแล้ว กับวิถีชีวิตที่หลายๆคนต้องอิจฉา

"ผมตื่น 10 โมงเช้า ทานข้าว ว่ายน้ำ แล้วก็ไปช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ คือผมใช้เวลาส่วนใหญ่ อยู่ข้างนอกครับ ไปอยู่ตามศูนย์การค้าบ้าง ร้านกาแฟบ้าง เพื่อคิดอะไรไปเรื่อยๆ เราจะได้เห็นภาพว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นบ้าง วันไหนผมเกิดไอเดีย ก็จะกลับบ้านมาเริ่มสร้างโมเดล คำนวณว่าราคาหุ้นเหมาะสมควรจะเป็นเท่าไร" (ไปกับแฟนครับ คือแฟนผมไม่ได้ทำงานประจำ เค้าจะคอยซัพพอร์ตผมมากกกว่า!!!)

เทคนิคการลงทุนของเขา ต่างกับเทรดเดอร์รายวัน เขาไม่ได้นั่งเฝ้าหน้าจอหุ้น

"ผมดูราคาหุ้นแค่ตอนปิดตลาดครั้งเดียวครับ"

Q : เฉลี่ยหุ้นตัวนึงถือนานแค่ไหน
A : 1 ปีครับ จะถือจนกว่าจะจบประเด็นนั้น ประเด็นที่เราคิดไว้

Q : โดยปกติถือหุ้นกี่ตัว
A : ตัวเดียวครับ และก็ใช้ margin ด้วย

Q : ไม่กลัวหรอ ลงหนักในหุ้นตัวเดียวเลย ถ้าพลาดไป มันจะเสียหายหนัก
A : ผมจะ manage จากโมเดลที่ผมสร้างขึ้นนี่แหละครับ เราจะทำยังไงถ้าราคาลง อะไรแบบนี้ คือผมวางแผนไว้หมดแล้ว

Q : เคยเจอผิดพลาดไหม
A : เคยครับ ตอนที่ผมยังไม่ได้ออกจากงาน เจอวิกฤติซับไพร์ม ซื้อหุ้นมา 4 บาท ราคาลงมา 2 บาท ผมก็พยายามทำตามแผนทุกอย่าง คือก็ทยอยขาย แต่มันไม่มีคนซื้อ จนผมต้องเอาบ้านไปจำนอง เพื่อเคลียร์หนี้มาร์จิน พอเคลียร์หนี้เสร็จ ก็เท่ากับเราชนะเกมส์แล้ว ผมก็จะสร้างเกมส์ขึ้นมาใหม่ โดยไล่ซื้อทุกราคา เพราะผมมั่นใจว่าพื้นฐานมันอยู่ที่ไหน ตอนนั้นจากพอร์ต 6 ล้าน กลายไปเป็น 30 ล้าน!!!!เลยครับ

เกณฑ์ในการเลือกหุ้น
1) ต้องไม่เสี่ยง
"ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต้องไม่เสี่ยง รับความผันผวนได้ทุกรูปแบบ สิ่งที่เราคิดต้องไม่ผิด ทนแดดทนฝนครับ"
2) คุ้มค่าที่เราจะลงทุนตรงนั้น
"ผมจะคิดเรื่องกระแสเงินสดเป็นหลัก ผมจะดู EV/EBITDA คือผมจคิดว่าถ้าเราลงทุนในบริษัทนี้ทั้งบริษัท ผมจะได้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทนี้ปีละเท่าไร พยายามยึดให้ไม่เกิน 5 ปี เท่ากับประมาณ 5 ปี ได้คืน เพราะเราหวังว่าจะไปขายให้คนอื่นที่ราคา 10 ปีได้คืน"
3) มีประเด็น หรือมี story
"ประเด็น อาจจะเป็นงบการเงินพลิกกลับมากำไร จากที่เคยขาดทุน อะไรแบบนี้อ่ะครับ"

Q : แล้วเมื่อไรจะขาย
A : ก็ตรงประเด็นนั้นแหละครับ พอดีประเด็นออกมา ราคาหุ้นจะตอบรับ และถ้าเราพอใจกับราคาก็จะไปเลย แต่ถ้าเกิดว่ายังไม่ถึงที่เราต้องการ เราอาจจะลดความเสี่ยง คือขายออกไปบ้าง

เทคนิคการลงทุนแบบทุ่มสุดตัวแบบนี้ ใครใจไม่ถึงพอ ห้ามลอกเลียนแบบนะ ^^

เครดิต : รายการ money talk

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น