21 ตุลาคม 2558

'มิ้งค์-ภัทรพร' Startup ไทย ใน Silicon Valley

Script Inc.บริษัทสร้างสรรค์นวัตกรรมบนมือถือ Startup สัญชาติไทยแท้ ที่มีมูลค่าธุรกิจใน Silicon Valley ณ วันนี้ กว่า 500 ล้านบาท! 

 “Silicon Valley” คือ ดินแดนที่ได้ชื่อว่า หุบเขาแห่งทองคำ แหล่งกำเนิดสุดยอดเทคโนโลยีของโลก ที่ตั้งสำงานใหญ่ของ Apple, Facebook, Google, eBay, Intel ฯลฯ และบริษัทนวัตกรรมน้อยใหญ่ 


นี่คือ ดินแดนในฝันของเหล่า Startup จากทั่วโลก 

หนึ่งบริษัทที่กำลังสร้างตัวเองอยู่ใน Silicon Valley มีชื่อว่า “Script Inc.” บริษัทสร้างสรรค์นวัตกรรมบนมือถือ เจ้าของแอพพลิเคชั่นแต่งภาพสุดคูล Flipjam และ PicCandy ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก 

นี่ไม่ใช่ธุรกิจสัญชาติอื่นใด แต่เป็น Startup ของคนไทยแท้ๆ โดยผู้ก่อตั้งชื่อ มิ้งค์-ภัทรพร (สุขสมปอง) สกุลคู สาวเก่งผู้เขียนหนังสือ “เก่งสวย รวยเปลี่ยนโลก Startup” ที่ประสบความสำเร็จมากๆ ในปีที่ผ่านมา 


หลายคนอาจทึ่ง และตกตะลึงในเรื่องราวของเธอ ใครจะคิดว่า จากผู้หญิงตัวเล็กๆ จะพลิกชีวิตมาเปลี่ยนโลกได้ขนาดนี้ แต่ถ้าได้รู้จักกับเธอมากขึ้น ความประหลาดใจทั้งหมดที่มี ก็อาจคลี่คลายลงได้ 

มิงค์ จบปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ปริญญาโท บริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และการวิจัยธุรกิจและคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ถ้าไม่ดร็อปเรียนเสียก่อน เธอก็จะได้ปริญญาเอก กลยุทธ์ธุรกิจเทคโนโลยี ที่ สแตนฟอร์ด มาอีกใบ 

เธอเคยทำงานเป็น อาจารย์ที่ จุฬาฯ เป็นวิศวกรคอมพิวเตอร์ที่เดนมาร์ค เคยได้รับรางวัลชนะเลิศพัฒนาซอฟแวร์จาก Google, Stanford และ Facebook ซอฟแวร์ทำมือที่พัฒนาขึ้นระหว่างเรียน ถูกซื้อจากบริษัทการศึกษารายใหญ่ในนิวยอร์ค 

เธอชัดเจนมาตลอดในสิ่งที่ชอบ และเริ่มทำความฝันของตัวเอง “ด้วยใจรัก” 

“ตั้งแต่เด็กๆ มิ้งค์จะชอบทำของเล่นเอง ด้วยความที่ชอบเทคโนโลยี ของเล่นในที่นี้เลยจะเป็นพวกซอฟต์แวร์ อย่าง ทำเกมเล่นเอง ทำอนิเมชั่น ฯลฯ แม้แต่ตอนทำงานประจำแล้ว ก็ยังทำของเล่นของตัวเองอยู่เรื่อยๆ จากทำซอฟแวร์บนพีซี ก็เปลี่ยนมาเป็นบนเว็บ และมือถือ” 

เธอบอก จุดเริ่มต้นที่มาจากใจรัก "ล้วนๆ"  โดยไม่ได้คิดว่า ทำเพราะอยากรวย อยากดัง แต่แค่ได้ทำของที่ชอบ และอยากให้ของที่ทำออกมานั้น กลายเป็นความชอบของคนหมู่มากด้วย

 หลังเส้นทางนักวิชาการต้องชะงักลงกลางคัน จากการคลอดลูกก่อนกำหนด เธอตัดสินใจหันหลังให้ปริญญาเอก แล้วออกมาเป็นแม่บ้านแบบเต็มตัว หลายคนคงคิด "ชีวิตจบสิ้นแล้ว" แต่ใครจะนึกว่า การเป็นคุณแม่กำลังนำเธอไปสู่โลกใบใหม่ และโลกใบที่ว่าก็ "คูล" มากเสียด้วย

 “ได้เป็นเพื่อนบ้านกับ Steve Jobs” 

หนึ่งเรื่องคูลๆ ที่เกิดขึ้นกับเธอในตอนนั้น หลังมีโอกาสไปปาร์ตี้ฮาโลวีนที่บ้านของอดีตผู้ร่วมก่อตั้ง Apple จนได้พบเจอกับเหล่าคนมีชื่อเสียงทางด้านเทคโนโลยี นั่นเองที่ “เปิดโลก” และให้แรงบันดาลใจในการทำงานด้านนี้ให้กับแม่บ้านอย่างเธอ 

ระหว่างเลี้ยงลูก เธอยังไม่หยุดทำของเล่นที่รัก แอพส่วนหนึ่งทำขึ้นเพื่อฝึกทักษะให้ลูก แต่ที่ต้องบอกว่าเป็น "จุดพลิก" จริงๆ ก็คือ แอพแต่งรูป เธอเรียกในตอนนั้นว่า “ของเล่นแม่ๆ” ที่อยากเก็บบันทึกภาพลูกๆ ของตัวเองไว้ พอมีคนชอบก็ลองเอาไปใส่ไว้ใน App Store ปรากฏว่า มีคนเข้ามาดาวน์โหลดไปใช้เยอะมาก จนวันหนึ่งก็ไปเตะตานักลงทุนเข้า ของเล่นฉบับแม่บ้านเลยได้ทุนมาสนับสนุน จนกลายเป็น Script อย่างในวันนี้

 ความสำเร็จที่เกินคาด ก็คือ ใช้เวลาเพียงปีเศษๆ ขยับธุรกิจจาก 0 มามีมูลค่าสูงกว่า 500 ล้านบาท! 

ดูท่าจะไปไกลกว่า คำว่า "ของทำเล่น" แต่มาไกลขนาดนี้ เธอก็ยังย้ำว่า Script Inc. ยังเป็น Startup เล็กๆ มีพนักงานแค่ 5 คน ทว่านิยามความเจ๋ง สำหรับคน Silicon Valley ก็ต้องแบบนี้.. ยิ่งคนน้อย ยิ่งเท่ 

“ดูอย่าง WhatsApp ตอนที่ Facebook ซื้อไป เขามีพนักงานแค่ 30 คน แต่ถูกซื้อไปในราคาถึง 16,000 ล้านเหรียญดอลลาร์(เกือบ 5 แสนล้านบาท) เคยมีนักลงทุนท่านหนึ่ง ถามคนจีนว่า บริษัทคุณใหญ่แค่ไหน คนจีนตอบว่า มีพนักงานประมาณสองหมื่นคน ที่นั่นเขาวัดขนาดบริษัทจากจำนวนพนักงาน แต่ใน Silicon Valley เราวัดจากจำนวนผู้ใช้ หรือ รายได้ ง่ายๆ คือ ที่นี่ พนักงาน ยิ่งน้อย ยิ่งเท่”

เธอบอก อยากจะเท่กับเขาบ้าง อยากจะประสบความสำเร็จอย่าง Script Inc. แล้วต้องทำแบบไหน? เธอว่า ต้องเริ่มจาก 

1.Think Big คือ คิดฝันที่ยิ่งใหญ่
2.Think Global คิดให้ไกลจากไทย แต่ไปถึงระดับโลก เพราะลูกค้า ไม่ใช่แค่คนไทยแต่ คือ โลกใบนี้ และ 3.ต้องไม่กลัวพลาด 

 “มีงานวิจัยบอกว่า คนไทยเป็นหนึ่งในชาติที่กลัวความล้มเหลวที่สุดในโลก! อย่างอเมริกา เขาล้มแล้วลุกๆ จนกว่าจะประสบความสำเร็จ ขณะที่เด็กไทยกลับรู้สึกว่า ล้มแล้วน่าอับอายขายหน้า เรียนจบแล้วต้องรีบหางานมั่นคงทำ เพราะเกิดไปทำอะไรแล้วเจ๊ง..ก็อายเขา” 

เธอบอก "จุดอ่อน" ของเด็กไทยที่สกัดฝันใหญ่ได้ชะงัด ซึ่งความคิดแบบนั้น ต้องไม่อยู่ในสาระบบของ Startup ขณะที่อย่ามองแต่ความสำเร็จตรงปลายทาง เพราะไม่มีชีวิตใครที่ได้อะไรมาง่ายๆ เธอบอกว่า ทำธุรกิจเทคโนโลยีต้องเจอกับอุปสรรคทุกวัน ฉะนั้นต้องพร้อมที่่จะรับมือกับมันอยู่ตลอด ซึ่งกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้

เธอว่า เกิดจาก “โชคชะตา” และ “การไขว่คว้า” “มิ้งค์เชื่อเรื่องโชคนะ แต่ไม่ใช่ในแง่ว่า วันๆ เราไม่ทำอะไรเลย รอแต่โชคชะตา แต่เชื่อว่า ถ้าเราคิดดี โชคดีก็จะวิ่งมาหาเราเอง คนที่บ่นว่า โชคร้าย จริงๆ แล้ว คือ โชคมันกองอยู่ตรงหน้านั่นแหล่ะ เพียงแต่เรามองไม่เห็นเท่านั้น คนที่อยากโชคดี ก็ต้องหัด 'หูตาติดเรดาร์' นั่นคือ เห็นอะไรก็มองเป็นโอกาสได้หมด” เธอบอกเคล็ดลับมีโชค โดยไม่ต้องพึ่งหมอดูหรือใครทั้งนั้น

 ยุคนี้ใครๆ ก็อยากมีแอพคูลๆ แต่จะทำอย่างไรให้ติดตลาด และอยู่ในตลาดไปได้นานๆ มิ้งค์ กระซิบบอกเราว่า ต้องทำให้ลูกค้า “ถูกใจ ใช้ตลอด แล้วบอกต่อ” คือ ทำให้แอพที่พัฒนาขึ้น เป็นสิ่งเสพติดที่คนขาดไม่ได้ กลายเป็นแอพที่เขาตั้งไว้ในหน้าจอ Home screen อารมณ์ เรียกง่าย ใช้ได้ตลอด แถมยังบอกต่อเพื่อนๆ ให้มาร่วมใช้ด้วย จนขยายวงไปไม่รู้จบ นี่คือกลยุทธ์ที่จะทำให้ธุรกิจนวัตกรรมไม่ใช่แค่แจ้งเกิดได้ แต่ยังอยู่ในตลาดได้อย่างยั่งยืนด้วย 

ขณะที่อีกหนึ่งความท้าทายของ Startup คือ การทำให้นักลงทุนซื้อไอเดียและยอมลงเงินให้ คนทำมาก่อนบอกสูตรลับให้ฟังว่า “ต้องมีมากกว่าไอเดีย” เธอว่า ไอเดียแทบไม่มีความหมายอะไรเลย ถ้าทำออกมาจริงไม่ได้ ฉะนั้นเราต้องมีของไปโชว์ให้นักลงทุนเห็นด้วย เขาถึงจะกล้าลงเงิน สอง “ต้องมั่นใจ” พูดจาฉะฉาน กระจ่างในความคิด ต้องหัดเป็นนักเล่าเรื่อง และต้องมีไฟในดวงตา 

สาม มีพร้อมทั้ง 3T นั่นคือ Team ทีมที่เก่งสุดยอด Tech ผลิตภัณฑ์ที่เจ๋ง และ Traction การเติบโตของจำนวนผู้ใช้ ครบถ้วนแบบนี้นักลงทุนที่ไหนก็อยากควักเงินสนับสนุน

 ถามถึงนิยามความสำเร็จของคนชื่อ มิ้งค์ ภัทรพร เธอบอกว่า ต้องไม่ใช่แค่ด้านธุรกิจ แต่ต้องเป็นความสำเร็จในชีวิตโดยรวม คือ ต้องมีสมดุลในหลายๆ ด้าน ที่สำคัญงานที่ทำอยู่นั้นต้องให้ “ประโยชน์” ต่อโลกด้วย 

ขณะที่เป้าหมายของธุรกิจ เธอบอกว่า ต้องการเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ยั่งยืน และเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในระดับโลกให้ได้ เพื่อทำตามฝันที่เคยเขียนบันทึกไว้ สมัยเรียนที่แคมบริดจ์ ใจความว่า ‘อยากสร้างสรรค์นวัตกรรมและผลักดันนวัตกรรมไทย ให้โด่งดังเป็นแบรนด์ระดับโลก’ 

“คนไทยถ้าพูดถึงเทคโนโลยี เรามักจะมองไต้หวันเป็นต้นแบบ แต่นั่นเขาเป็น มือปืนรับจ้าง ไม่มีแบรนด์ ซึ่งแบบนั้นจะไม่ยั่งยืนและคนอื่นอาจมาแซงได้ เพราะเดี๋ยวนี้คนไม่สนใจหรอกว่า ผลิตมาจากไหน มิ้งค์เลยคิดว่า..เราต้องมาอยู่เบื้องหน้าให้ได้” เธอบอกความมุ่งมั่น 

เพื่อขยับฝันเล็กๆ ของ Startup คนไทย มาสู่ธุรกิจ Global อย่างเต็มภาคภูมิ ในเมืองที่ชื่อ Silicon Valley

เครดิต : Bangkokbiznews

1 ความคิดเห็น: