27 เมษายน 2555

“ไฮ้ ส้มตำคอนแวนต์” จากหลักแสนเป็นร้อยล้าน !!!!

นายธนกฤต เลิศผาติ หรือ “ไฮ้” เจ้าของร้าน “ไฮ้ ส้มตำคอนแวนต์” วัย 40 ปี เปิดเผยว่า ได้นำกำไร 1 แสนบาท จากการขายส้มตำมาเป็นทุนประเดิมในการซื้อขายหุ้นเมื่อปี 2542 ช่วงที่ตลาดหุ้นยังไม่ฟื้นจากวิกฤตสถาบันการเงินปี 2540 ช่วงนั้นดัชนีอยู่ที่ 300 จุดเท่านั้น ทำให้ตนร่ำรวยขึ้นมา หากตลาดหุ้นดีๆ จะซื้อขายวันละ 30-40 ล้านบาท หรือเดือนละหลายร้อยล้านบาท ไปถึงหลักพันล้านบาทในปัจจุบัน

นายธนกฤต กล่าวว่า เขาชอบเข้าซื้อขายหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี โดยมีนายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล หรือเสี่ยปู่ เป็นแบบอย่างและปรับสไตล์ให้เข้ากับตัวเอง จน ร่ำรวย โดยช่วงเริ่มแรกก็ลองผิดลองถูกเช่นเดียวกับนักลงทุนทั่วไป แต่เมื่อลงทุนได้ระยะหนึ่งจึงปรับมา ลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดี แต่จะไม่เล่นหุ้นตามข่าวลือ


นายธนกฤต กล่าวว่า ปกติในการลงทุนนั้นจะใช้เวลาช่วงลูกค้ายังไม่พักเที่ยงไปลงทุนในห้องค้าใกล้กับร้านไฮ้ ส้มตำคอนแวนต์ เมื่อตลาดหุ้นปิดครึ่งวันเช้าก็เป็นช่วงลูกค้ามารับประทานส้มตำ ก็จะกลับมาขายส้มตำให้บริการลูกค้าด้วยตัวเอง หลังจากเวลา 13.00 น. เป็นต้นไป หรือเมื่อลูกค้าทยอยกลับก็จะกลับไปลงทุนในหุ้นต่อ

“ผมจะมีเป้าหมายว่าถ้ามีกำไร 15-20% จึงจะขายออก โดยทยอยขาย และหากหุ้นลง 1-2% ก็ตัดขาดทุนออกไป เพราะใช้คติการลงทุนที่ว่า ไม่คาดหวังกับหุ้นมากนักเพราะโอกาสที่หุ้นขึ้นโดยไม่ลงมีน้อยมาก และไม่มีกิจการใดที่เป็นดาวเด่นตลอดเวลา” นายธนกฤต กล่าว

“ทุกเย็นผมจะต้องดูกราฟว่าตัวไหนมีสัญญาณการสะสม และพื้นฐานของหุ้นเป็นยังไง เสร็จจากนั้นจึงมามองภาวะตลาดโดยรวมในช่วงนั้นว่าเอื้อต่อการขึ้นของหุ้นตัวนี้หรือไม่ ถ้าทุกอย่างเข้าล็อก จึงเริ่มเข้าไปสะสมหุ้นกับเขา ถ้ามั่นใจจะซื้อทีเดียว 70% แล้วรอ 2-3 วัน …ถ้าหุ้นไม่ขึ้น ผมจะหยุดไว้ก่อน แต่ยังไม่ขาย แต่ถ้าขึ้นก็จะซื้อเข้ามาจนเต็มพอร์ต หรือถ้าซื้อแล้วราคามันปักลงเอาแค่ 2-3% ผมก็ไปแล้ว ไม่ต้องรอให้ขาดทุนกว่านี้”

“ส่วนใหญ่จะถือหุ้นไม่นาน หากหุ้นตัวใดยังมีแนวโน้มสดใสอาจจะถือประมาณ 4-5 เดือน แต่หากเป็นหุ้นรายเล็กหรือรายใหม่จะซื้อมาแล้วขายไปมากกว่า ส่วนใหญ่จะถือเพียง 1 วันหรือไม่ก็ซื้อตอนเช้าแล้วเย็นเทขาย เนื่องจากหุ้นรายเล็กยังใหม่และยังไม่มีความแน่นอนมีความเสี่ยงสูง”

เคล็ดลับใหญ่ๆ ของการเลือกหุ้น คือ
1). มีสภาพคล่องสูง โดยเปรียบเทียบกับพอร์ตของเราเอง ว่าต้องเข้าออกได้สะดวก เช่นจะซื้อขายวันละห้าสิบล้าน ต้องเข้าออกได้สะดวกภายในหนึ่งวัน
สภาพคล่องต้องสูง

2).หุ้นต้องไม่ขึ้นมาก่อนแล้ว หุ้นมีให้เลือกเยอะ หุ้นส่วนใหญ่ที่ผมเลือกจะเป็นหุ้นที่อยู่ในช่วงสะสมกำลัง ต้องรอให้มันปรับตัวก่อน เวลามันขึ้นจะไม่ซื้อเพิ่ม เพราะคิดว่าแต่ละตัวจะมีมาร์เก็ตเมคเกอร์ รวมถึงพฤติกรรมของรายย่อย เวลาซื้อถึงจุดหนึ่งจะต้องหยุด หรือว่าถ้าเป็นมาร์เก็ตเมคเกอร์ เขาก็จะมีตัวเลขอยู่ในใจ ผมจะตีเฉลี่ยประมาณสามสิบเปอร์เซ็นต์ หากขึ้นมาใกล้ๆ เป้าหมาย เช่น 20 เปอร์เซ็นต์ ก็จะเริ่มทยอยขาย

นอกจากนี้ เฮียไฮ้ ยังเผยเกร็ดเล็กๆน้อยๆ ให้มือใหม่หัดเทรด เป็นข้อความสั้นๆ อีกด้วย ว่า
- เมื่อไม่ดี ก็เฉยไว้ "ถ้าตลาดไม่ดี ผมก็จะอยู่เฉยๆ"
- หุ้นปั่นตั้งจุดคัต "หุ้นเก็งกำไรถ้าจะห้ามเล่นคงยาก ดังนั้นเวลาเล่นเราจึงต้องรู้ว่าเล่นกับใคร" ถ้าขาดทุนก็ต้องคัตทันที ถ้าเล่นพื้นฐานก็คนละอย่าง บางคนบอกซื้อเก็งกำไร แต่ถือมาเป็นปี มันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย เซียนทุกคนก็เคยเล่นเก็งกำไรมาก่อน แต่เขารู้จักคัตลอสเป็น!!!!

เรียบเรียง : 2Binvestor
เครดิต : Bizweek,โพสต์ทูเดย์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น