22 มีนาคม 2555

ปรัชญาเซียนหุ้นพันล้าน

ปรัชญาเซียนหุ้นพันล้าน

เปรย
: จงอย่ารักหุ้น อย่าทะนุถนอมหุ้น หรือกอดหุ้นไว้โดยที่ไร้ผลตอบแทน และสร้างความเจ็บปวด ควรคิดเสมอว่า หากเมื่อใดหุ้นที่ซื้อไว้หรือมีไว้ เมื่อหุ้นตัวนั้นไม่ได้สร้างให้สินทรัพย์เพิ่มพูน มีแต่วันจะถดถอย เราควรตัดสินใจสละขายทิ้ง เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะต้องล่มจม

1. จงให้ความสำคัญอย่างมากๆ สำหรับการซื้อหรือขายหุ้นแต่ละครั้ง ดังที่รู้ๆ กันอยู่ว่าการลงทุนในตลาดหุ้นนั้นมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง ดังนั้น การพิถีพิถันต่อการลงทุนไม่ว่าจะเป็นฝั่งซื้อหรือฝั่งขายทุกครั้งก่อนตัดสินใจที่จะเข้าออก ควรต้องศึกษาในตัวหุ้นให้เข้าถึงอย่างลึกซึ้งถึงความเป็นมาเป็นไป นั่นเท่ากับว่าเราให้ความสำคัญกับเม็ดเงินที่ลงทุนหรือลงทุนไปแล้ว ย่อมเป็นสิ่งที่ดี



2. จงคิดเสมอว่าถ้าจะซื้อหุ้นหากจะเลือกหุ้นเล็ก หรือหุ้นตัวใหญ่นั้นย่อมมีความสำคัญเท่าเทียมกัน เพียงแต่ว่า หุ้นตัวเล็กหรือหุ้นตัวใหญ่ที่จะให้ผลตอบแทนมากกว่ากัน นั่นเท่ากับว่าความสามารถในการทำกำไรต่อหุ้นตัวเล็กหรือตัวใหญ่ต่างหากที่มีความสำคัญที่สุด

3. จงอย่าเชื่อทุกอย่างที่ได้ยิน จงชินชากับวาจาที่ว่าหุ้นตัวนั้นดีตัวนี้เลว หากตราบใดที่เราไม่สามารถค้นคว้าหาข้อมูลที่สามารถอ้างอิงได้ว่า สิ่งนั้นคือความจริง หรือเป็นเรื่องเท็จ การลงทุนที่รู้ชัด รู้จริง รู้ลึก และรู้ก่อนใครย่อมได้เปรียบผู้อื่น เพียงแต่ว่าข้อมูลทุกเนื้อหา เนื้อแท้ที่เป็นจริงนั้นเราต้องสามารถรับรู้อย่างชัดเจน

4. มื่อกล่าวคำว่า "เล่นหุ้นต้องมีกำไร” จงหมายความตามนั้นจริงๆ นั่นหมายถึงก่อนเล่นหุ้น ก่อนซื้อหุ้นทุกครั้งทุกรอบต้องไตร่ตรอง พิจารณาทุกแง่ทุกมุม ไม่ผลีผลาม หรือด่วนตัดสินใจโดยอารมณ์เป็นมูลเหตุ ความรอบคอบ รอบรู้ จะสามารถทำให้เรามีความมั่นใจ พร้อมจะเปล่งวาจาว่า “เล่นหุ้นต้องมีกำไร”

5. เมื่อประสบกับสภาพของการขาดทุน ทุกครั้งทุกรอบ ต้องรู้จัก ตั้งสติ มีสมาธิ ไม่แกว่งจนตนเองไร้ความเชื่อมั่น และมีภาวะที่จิตบกพร่อง เพราะนั่นเท่ากับว่า ความสามารถลงทุนในอนาคตจะสูญสิ้น ขาดหลักคิด หลักการ หลักของการลงทุน จงสร้างความพร้อมให้รับได้ทุกสถานการณ์ทั้งยามหุ้นขึ้นหรือหุ้นลง เพื่อแสวงหาสิ่งที่ดีกว่าต่อไป

6. ก่อนจะตัดสินใจถือครองหุ้น จงมั่นศึกษาในหุ้นตัวนั้นๆ ให้มากเพียงพอเสียก่อน โดยเฉพาะควรพิจารณาหลักใหญ่ๆ เช่น ดูผลการดำเนินงานทั้งอดีต ปัจจุบัน และคาดการณ์อนาคต มีค่าพีอีเรโชระดับใด มองผลตอบแทนในแง่ปันผลที่ผ่านมาสามารถให้มากน้อยเพียงใด ดูหนี้สินต่อทุน ดูโครงสร้างผู้ถือหุ้น ตรวจเช็คการดำเนินธุรกิจมีอุปสรรคมีจุดดีจุดเด่นจุดด้อยอย่างไร

7. จงเชื่อมั่นในตัวตนของตัวเอง เล่นหุ้นแม้ต้องอิงปัจจัยหลายต่อหลายเรื่อง ต้องฟัง ต้องอ่าน ต้องเสพข้อมูล ต้องแสวงหาข่าวสาร แต่สุดท้ายตัวของตัวเองนั่นแหละ จะเป็นผู้ที่ต้องตัดสินใจ ผิดหรือถูก นั่นเป็นเรื่องที่ตัวเองจะรับรู้ และยอมรับ

8. อย่าหัวเราะเยาะความฝัน และความคิดของผู้อื่นเป็นเด็ดขาด เพราะการเล่นหุ้น ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นล้วนแล้วเป็นเรื่องในอนาคต ทุกคนมีสิทธิคิดมีคิดฝัน ถึงความเป็นไปในอนาคต ดังนั้น ตัวเราเองก็ดี หรือผู้อื่นเองก็ตาม ทุกคนล้วนมีความฝัน แม้ความฝันนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ มันก็เป็นจิตนาการของเขาผู้นั้น เพียงแต่เราเองนั่นแหละต้องสร้างความฝันบนความเป็นจริงที่ควรสัมผัสได้

9. จงอย่ารักหุ้น อย่าทะนุถนอมหุ้น หรือกอดหุ้นไว้โดยที่ไร้ผลตอบแทน และสร้างความเจ็บปวด ควรคิดเสมอว่าหากเมื่อใดหุ้นที่ซื้อไว้หรือมีไว้ เมื่อหุ้นตัวนั้นไม่ได้สร้างให้สินทรัพย์เพิ่มพูน มีแต่วันจะถดถอย เราควรตัดสินใจสละขายทิ้ง เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะต้องล่มจมหรือมูลค่าราคาหุ้นต้องหดหายไป มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย

10. ในเหตุการณ์ที่สับสน สรุปหนทางแนวโน้มทิศทางของหุ้นไม่รู้จะเป็นเช่นใด ควรวางตัวสงบนิ่ง เฝ้ารอคอยให้กระแสน้ำที่เชี่ยวกราดเริ่มอ่อนแรงลงพอมองเห็นทิศทางแนวโน้มของหุ้นได้ ตอนนั้นค่อยว่ากันใหม่ เพราะการเล่นหุ้นในยามที่หุ้นผันผวนไร้ทิศทางนั้นเท่ากับว่าเรากำลังสร้างความเสี่ยงให้กับตัวเองอย่างมากทีเดียว


11. อย่าตัดสินใจเล่นหุ้นปั่น เพราะเพียงแค่ความอยากเอามันเท่านั้น เพราะหุ้นปั่นที่มีการสร้างเกมขึ้นมานั้น ได้มีการหยิบยกทั้งเหตุทั้งผลมาอ้างอิงประกอบโฆษณาชวนเชื่อ และมีการกระชากลากหุ้น เพื่อให้นักเลงหุ้นเกิดการคล้อยตามในความสนุกความตื่นเต้น หากเราตัดสินใจเล่นหุ้นปั่นโดยขาดหลักคิดหวังเพียงความสนุก สุดท้าย ความเสียหาย การขาดทุนจะมาเยือน

12. จะซื้อหุ้นให้เร็วหรือให้ช้าไม่สำคัญ ความสำคัญอยู่ที่ต้องคิดให้อย่างรอบคอบ การขับเคลื่อนของราคาหุ้นในตลาดทุนนั้น เราจะพบอยู่บ่อยครั้ง เดี๋ยวขึ้นเร็วลงเร็ว บางครั้งก็มักคืบคลานอย่างช้าๆ ดังนั้น การตัดสินใจซื้อขายหุ้นคล้อยตามบนภาวะของตลาด ก็อาจไม่ใช่เรื่องที่ถูกนัก สาระสำคัญอยู่ที่ว่า ทุกครั้งทุกรอบควรตัดสินใจคิดให้รอบคอบก่อนเข้าซื้อเข้าขาย น่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด

13. จงจำไว้ว่า สองสิ่งที่ยิ่งใหญ่ สำหรับการเล่นหุ้นคือ “ซื้อแล้วหุ้นต้องขึ้น” “ขายแล้วหุ้นต้องลง” ตราบใดที่เราซื้อหุ้นแล้วหุ้นลงนั้นย่อมทำให้เรามีความรู้สึกที่ผิดเพี้ยนในการเล่นหุ้นทันที ในขณะเดียวกัน หากขายหุ้นแล้วหุ้นขึ้นอาการเสียดายก็มักเกิดขึ้นเช่นกัน หากตรงกันข้าม เมื่อซื้อหุ้นหรือขายหุ้นถูกทาง การเล่นรอบของหุ้นมันจะถูกจังหวะ เล่นจะทำให้เล่นหุ้นได้อย่างสนุก

14. จงคิดเสมอว่า หุ้นที่มีพื้นฐานดี ต้องมีฐานะการเงินดี ผลการดำเนินงานดี ปันผลดี มีการบริหารการจัดการที่ดี เป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องดี ส่วนหุ้นปั่น คือ หุ้นที่ไร้พื้นฐาน ปัจจัยด้านการเงินแย่ บริษัทขาดทุน ทำธุรกิจล้มเหลว หนี้สินท่วมตัว ดังนั้น เมื่อเราจะเล่นหุ้นที่มีพื้นฐาน หรือหุ้นปั่น เราเองก็ควรรู้จุดยืนของเราว่าสุดท้ายควรทำตัวอย่างไร

15. เมื่อพ่ายแพ้ เจ็บปวด และขาดทุนหุ้น จงอย่าสูญเสียบทเรียนไปโดยเปล่าประโยชน์ สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต บางครั้งเป็นเรื่องที่เศร้า ทุกข์ แต่เราเองก็สามารถนำสิ่งเรานั้นมาเป็นกรณีศึกษา เป็นมูลฐานแห่งการเรียนรู้ ปรับปรุงตัวเพื่อสร้างความเข้มแข็ง พร้อมสู้กันต่อในอนาคตให้ได้มาในสิ่งที่ตนเองแสวงหาบนความไม่ประมาท

16. จงพยายามเข้าถึงและจดจำ ความเป็นมาเป็นไปของหุ้นที่สนใจให้ลึกซึ้ง เรื่องราวของหุ้นในแต่ละตัวมีความเป็นมาเป็นไปด้วยกันทั้งสิ้น และหุ้นหลายๆ ตัวมักมีวงจรการดำเนินธุรกิจของตนเสมอ และหุ้นบางตัวก็มักมีพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นซ้ำ ไปซ้ำมา ดังนั้น หากเราสามารถเข้าถึง จดจำพฤติกรรมของหุ้นได้ นั่นเท่ากับเราจะได้เปรียบต่อการลงทุน อย่างน้อยก็สามารถจับรอบจับจังหวะได้ถูกต้อง

17. จงอย่าให้ขาดทุนขยายวงกว้างจนรับไม่ไหว เรื่องที่สำคัญน่าเป็นห่วงที่สุดของการเล่นหุ้นคือ การที่นักเล่นหุ้นไม่สามารถกำหนดหรือสกัดกั้นการขาดทุนในกรอบที่จำกัดได้ ไม่รู้จักการตัดขายแต่ต้นลม คิดเพียงหากมีหุ้นถือหุ้นไม่ขายไม่ขาดทุน สุดท้ายภาวะการขาดทุนจะขยายเป็นวงกว้างจนรับกันไม่ไหว

18. ทันทีที่รู้ตัวว่าทำผิดพลาด อย่าปล่อยให้กาลเวลาผ่านไป ต้องลงมือแก้ไขปรับพอร์ตให้ทันท่วงที ใครที่เล่นหุ้นหากซื้อขายหุ้นผิดจังหวะผิดตัว ย่อมถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพียงแต่ว่าเมื่อผิดพลาดไปแล้ว การแก้ไข การปรับเปลี่ยนต้องกระทำให้ทันเวลา มิเช่นนั้นแล้วอาจสายเกินกว่าจะแก้ได้


Credit : unknown

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น