14 มีนาคม 2555

John D.Arnold หนุ่มมหาเศรษฐี ด้วยการเป็น Gas Trader

John D.Arnold หนุ่มมหาเศรษฐี วัย 33 ปี เจ้าของกองทุน Centaurus เฮ็ดจ์ฟันด์ที่ลงทุนในตลาดก๊าซธรรมชาติโดยเฉพาะ ปีที่แล้ว เขาถูกจัดอันดับให้เป็น Hedge Fund Manager ที่มีรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจาก Jim Simons และ John Paulson

Arnold จบจาก Vanderbilt University และเริ่มต้นทำงานเป็น Gas Trader ที่ Enron เขาสามารถทำกำไรให้ Enronได้ $750 millions ในปีเดียว และได้รับโบนัสเป็นเงินถึง $8 millions เมื่อ Enron ล้มละลาย เขาไม่อยู่ในข่ายที่ถูกตั้งข้อหาใดๆ เกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลของบริษัท

หลัง Enron ล้มละลาย บริษัทก๊าซที่มีขนาดเล็กและมีเครดิตไม่ดีนักจำนวนไม่น้อยประสบปัญหาในการหา counter party สำหรับ hedge ราคาก๊าซ เขามองเห็นโอกาสอันนี้ จึงได้ใช้เงินโบนัสของเขาก่อตั้ง Hedge Fund ของตัวเองขึ้นมา โดยชักชวนเพื่อนๆ ในวงการให้มาร่วมงานกับเขา ทำหน้าที่เป็น counter party รับทำ swap contracts ให้กับบริษัทก๊าซที่ต้องการ hedge แบบ over-the-counter หลังจากทำได้สามปี เขาก็ทำกำไรครั้งใหญ่ได้สำเร็จ เมื่อเขามองว่าราคาก๊าซจะตกต่ำลงในขณะที่บริษัทก็าซส่วนใหญ่มองตรงกันข้าม ทำให้เขาทำกำไรให้ได้สูงถึง $1 billions และหลังจากนั้นปีเดียวก็เกิดวิกฤตซับไพรม์ ทำให้เขาได้กำไรมหาศาลอีกครั้ง สินทรัพย์ของเขาเพิ่มพูนมากกว่าสองเท่าในปีเดียว ช่วงหลังๆ นี้ Arnold เริ่มมองเห็นข้อจำกัดของการเทรดก๊าซที่จะมากขึ้้นในอนาคต ทำให้เขาเริ่มนำเงินของเขาไปลงทุนในหุ้นของบริษัทผู้ผลิตก๊าซและถ่านหินมากขึ้น เขายังลงทุนจำนวนมากในธุรกิจคลังและขนส่งก๊าซ ซึ่งเขามองว่าจะกลายเป็นธุรกิจที่สดใสในอนาคต

สไตล์ของ Arnold คือเขาจะ take position เพียงแค่สองสามครั้งเท่านั้นต่อปี แต่ทุกครั้งจะเป็น position ที่ใหญ่มากๆ ซึ่งเขามั่นใจจริงๆ เท่านั้นและจะมั่นคงกับมัน ทีมงานของเขามีประมาณ 70 คน มีแม้แต่คนที่เป็นนักอุตุนิยมวิทยาที่คอยติดตามข้อมูลเกี่ยวกับพายุทอร์นาโดในอ่าวแม๊กซิโกด้วย ชีวิตส่วนตัวของเขาค่อนข้าง low profile ยังไปนั่งดื่มเบียร์ เล่นฟุตบอล กับเพื่อนๆ เป็นประจำ เขาแต่งงานกับสาวนักกฏหมายจาก Yale ซึ่งเธอได้ช่วยเขาทำงานด้านบริการสังคมด้านการพัฒนาการศึกษา โดยทั้งคู่ได้บริจาคเงินให้กับองค์กรการกุศลเป็นเงินถึง $700 millions เขากล่าวว่า “คนเราพอรวยถึงระัดับหนึ่งแล้ว ส่วนที่เกินไปกว่านั้นคงเป็นไปเพื่อการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์”

เครดิต : เดคิสุงิ ดอทเน็ต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น